ชัยวุฒิ ตั้งศูนย์ประสานงานแก้ปัญหาข่าวปลอม 3 ระดับ เสริมแกร่งความร่วมมือข้ามหน่วยงาน เน้นบังคับใช้กฎหมาย-สั่งระงับการเผยแพร่
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากมติที่ประชุมครม. เมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เห็นชอบในหลักการ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ พ.ศ… ตามที่ดีอีเอสเสนอ ขั้นตอนจากนี้จะส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอ ครม.ตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ การอนุมัติหลักการร่างระเบียบฯ ฉบับนี้ จะส่งเสริมการประสานงานและทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ในการเร่งแก้ไขปัญหาข่าวปลอม และสามารถก้าวทันสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ สื่อสังคมออนไลน์ และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางเผยแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง
โดยหลักการของร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ กำหนดแนวทางและหลักการ ในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ร่วมกันของหน่วยงานของรัฐ เพื่อคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย และได้รับขัอมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทั้งนี้ จะให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานของรัฐในการแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่
1.ศูนย์ประสานงานกลาง กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ จัดตั้ง ศูนย์ประสานงานการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์กลาง เพื่อเป็นศูนย์กลางดำเนินการ
2.ให้ทุกกระทรวงจัดตั้ง ศูนย์ประสานงานฯประจำกระทรวง และ 3.ให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งศูนย์ประสานงานฯประจำจังหวัด โดยมีรองผู้ว่าฯ หรือผู้ว่าฯ ที่ได้รับมอบหมายทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ประสานงานประจำจังหวัด
รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังกำหนดนิยามคำสำคัญ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และข่าวปลอม กำหนดให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข่าวปลอม แถลงข่าวทันทีที่พบว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม และแจ้งกรมประชาสัมพันธ์ภายใน 1 ชั่วโมง ให้บังคับใช้กฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบและต้องจัดให้มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนโดยเร็ว
“กรณีข่าวปลอมใดที่เข้าข่ายหรือสมควรดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบตามระเบียบนี้ แจ้งให้กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ออกจากระบบคอมพิวเตอร์” นายชัยวุฒิกล่าว