ชัชชาติ จะไม่ทนคอร์รัปชั่นภายใน กทม. ชี้เก็บส่วยเทศกิจต้องเป็นศูนย์ พร้อมแนะ ขรก.กทม.ต้องทำงานหันหลังให้ผู้ว่าฯ หน้าให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พร้อมกับนางปวีณา หงสกุล ลงพื้นที่รับฟังปัญหาในเขตสายไหมและเขตบางเขน เช่น ปัญหาสัตว์จรจัดในวัด จากนั้นขึ้นขบวนรถยนต์ไฟฟ้ากับนางปวีณา หาเสียงจากซอยวัดเกาะไปตลาดยิ่งเจริญ ทักทายพ่อค้าแม่ค้า พบปะประชาชนที่เข้ามาจับจ่ายในตลาด พร้อมสำรวจแนวทางจัดการขยะและน้ำเสียของตลาดด้วย
นายชัชชาติ กล่าวว่า ตลาดยิ่งเจริญเป็นตัวอย่างการจัดการปัญหาขยะและน้ำเสียตั้งแต่ต้นทาง กทม. ต้องเข้ามาดูแลเรื่องขยะและน้ำเสีย สามารถเริ่มต้นจากตลาดเป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตขยะและน้ำเสียจำนวนมาก โดยวางมาตรการการคัดแยกขยะในพื้นที่ตลาดของ กทม. และเอกชน พร้อมจัดการระบบบำบัดน้ำเสียให้ทันสมัยและได้มาตรฐาน
อีกทั้งย้ำความสำคัญของนโยบายบริหารจัดการดี ซึ่งเป็นหัวใจของนโยบายพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะแนวคิด “โปร่งใส ไม่ส่วย ไม่เส้น” คือมุ่งจัดการปัญหาคอร์รัปชั่นภายใน กทม.อย่างจริงจัง มีมาตรการตรวจสอบ ลงโทษผู้ที่กระทำความผิดทั้งในระดับผู้บริหารและระดับปฏิบัติการ พร้อมพัฒนาระบบติดตามการขออนุญาตต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงาน
“ข้าราชการ กทม. ต้องหันหลังให้ผู้ว่าฯ และหันหน้าให้ประชาชน ข้าราชการกทม. ต้องเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เราต้องเป็นผู้ว่าฯสัญจร ผอ.เขต รองผู้ว่าฯ เจ้าหน้าที่ ต้องลงไปดูปัญหาประชาชนและแก้ไขปัญหา ต้องเปลี่ยนวิธีคิด ต้องกระจายอำนาจ และฟังประชาชนให้เยอะ พวกนี้จริง ๆ แล้วมันทำได้เลย ไม่ต้องรองบประมาณ เพราะมันคือเรื่องประจำวันอยู่แล้ว ผมคิดว่าอันนี้ 100 วันแรกจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลย” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวถึงปัญหาเรื่องส่วยของเทศกิจว่า การเก็บส่วยของเทศกิจต้องเป็นศูนย์ และจะไม่อดทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน หากจับได้จะต้องมีการลงโทษอย่างรุนแรง ข้าราชการและลูกจ้าง กทม. ต้องอย่าเอาเปรียบประชาชน รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งต้องโปร่งใส เพื่อจัดการกับต้นตอของปัญหา มองว่าการจัดการปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องยากและสามารถดำเนินการได้ทันที