‘ชัชชาติ’ โร่ขอโทษ คนขับแท็กซี่ หลังโดนปฏิเสธ แล้วถูกขนส่งเรียกชี้แจง ชี้อยากให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงเทคโนโลยี เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหารายได้-ผ่านวิกฤติโควิด
กรณีสังคมออนไลน์แชร์คลิปรถแท็กซี่ ปฏิเสธไม่รับนายชัชชาติ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ค.65 ซึ่งต่อมา กรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการขนส่งทางบก ได้เชิญผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาสอบถามข้อมูล
โดย นายลอง คนขับ ให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุตนไปส่งผู้โดยสารบริเวณปากซอยจุฬา 12 และได้มีผู้โดยสารรายใหม่เรียกรถผ่านแอพให้ไปรับที่ปากซอยจุฬา 14 ถนนบรรทัดทอง จึงขับไปรอรับผู้โดยสารในบริเวณดังกล่าว ซึ่งผู้โดยสารกำลังเดินมาขึ้นรถ
ขณะนั้น นายชัชชาติ พร้อมผู้ติดตามอีก 2 คนได้เดินมาทางด้านหลังรถ โดยผู้ติดตามได้เปิดประตูรถให้นายชัชชาติ ขึ้นไปนั่ง และ แจ้งว่าให้ไปส่งที่สวนลุมพินี ตนจึงแจ้งกลับไปว่าขอโทษครับ ตนได้รับผู้โดยสารผ่านแอพไว้ก่อน และกำลังรอผู้โดยสารมาขึ้นรถ เพื่อจะไปส่งที่อาคารพญาไทพลาซ่า ซึ่งนายชัชชาติ ได้ทราบและตอบว่าไม่เป็นไร จากนั้นได้ลงจากรถไป
ล่าสุด วันที่ 25 พ.ค.65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ ผู้ว่าฯกทม. โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ความว่า วันนี้ผมมาขอโทษพี่ลอง คนขับ Grab Taxi ที่เป็นข่าว และต้องเดือดร้อนจากคลิปที่ผมขึ้นรถแล้วต้องลง เพราะพี่ลองนึกว่าผมเป็นผู้โดยสารที่เรียก Grab มา โดยกรมขนส่งทางบกเรียกพี่ลองไปสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวาน
พี่ลองมีลูกสาว 1 คนตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโท และทำงานไปด้วยอยู่ที่ระยอง พี่ลองเล่าว่าช่วงโควิดลำบากมาก ส่วนใหญ่ไม่มีลูกค้า บางวันมีแต่ก็น้อยมาก ช่วงนั้นขับได้เฉลี่ยวันละ 300 บาท ค่าเติมแก๊สตกวันละ 200 บาท ที่เหลือหารกับเจ้าของอู่แท็กซี่คนละครึ่ง เหลือใช้วันละ 50 บาท แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขับ Grab Taxi ที่หักค่าใช้จ่ายต่อวันแล้วเหลือใช้วันละ 500-600 บาท
การทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงเทคโนโลยีในสมัยนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น หนึ่งในนโยบายของเราคือการมีอาสาสมัครเทคโนโลยี (อสท.) เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือช่วยเหลือคนในชุมชนเพื่อสนับสนุนด้าน Digital ของประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคได้อีกทาง
ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคน ในการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการหารายได้ และผ่านวิกฤติโควิดนี้ไปได้ครับ