กรุงเทพมหานคร “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ปูดข้าราชการกทม.วอนทบทวนย้ายกทม.เสาชิงช้า ไปกทม.2 ย้ำทุกคนต้องยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม
31 ต.ค. 65 – ที่ศาลาว่าการกทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวความคืบหน้าในการย้ายสถานที่ทำการของกรุงเทพมหานคร จากศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) ไปรวมไว้ที่ อาคารธานีนพรัตน์ (ดินแดง) ว่า
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาของคณะกรรมการพิจารณาการย้าย ที่ทำงานจากศาลาว่าการ 1 มายัง กทม.2 มีทั้งหมด 2 ชุด ชุดแรกเป็นคณะผู้บริหารกทม. ส่วนชุดที่2 เป็นผู้แทนจากหน่วยงานภายนอก ร่วมพิจารณาด้วย ว่าจะสรุปผลอย่างไร
ซึ่งตนเห็นว่า การรวมสถานที่ทำงานไว้แห่งเดียวกัน จะช่วยให้การบริหารจัดการสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนข้อกังวลของข้าราชการที่จะต้องย้ายจาก กทม.1 มาอยู่กทม.2 ตนเข้าใจและเห็นใจอาจจะไม่ได้ความสะดวกทั้งเรื่องการเดินทางจากบ้านมายังที่ทำงานไกลขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ปัจจัยเหล่านี้คณะกรรมการฯอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดแนวทาง
ซึ่งขณะนี้มีข้าราชการหลายคน พาลูกมาพบตนเพื่อขอให้ทบทวนไม่ย้ายได้หรือไม่ เพราะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว ตนได้ชี้แจงทุกครั้งว่าถึงเหตุผลความจำเป็น และขอให้ทุกคนคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
ด้าน นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการในการย้ายหน่วยงาน/ส่วนราชการภายในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไป ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง กล่าวว่า
ขณะนี้ได้กำหนดแผนแนวทางการย้ายหน่วยงานเสร็จแล้ว ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการฯ ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้สำรวจและวางแผนการย้าย โดยสำรวจพื้นที่และจำนวนบุคลากรทั้งหมดของทั้งสองแห่ง
ที่ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า) มีหน่วยงานประกอบด้วยสำนักการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน กก. สำนักงานเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร สำนักงานเลขานุการปลัดกรุงเทพมหานคร สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน รวมข้าราชการและบุคลากรทั้งสิ้น 2,047 คน
ขณะที่ปัจจุบันอาคารธานีนพรัตน์ มีส่วนของคณะผู้บริหาร และมีหน่วยงานประจำ ได้แก่ สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว สำนักอนามัย สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (บางส่วน)และสำนักการจราจรและขนส่ง (บางส่วน)
ซึ่งมีแผนปรับพื้นที่ให้สามารถย้ายหน่วยงานจากศาลาว่าการ (เสาชิงช้า) เข้าไปอยู่ได้ครบทั้งหมด โดยจะปรับปรุงอาคารธานีนพรัตน์ก่อน จึงจะสามารถย้ายหน่วยงานไปได้ ซึ่งจะใช้งบประมาณในการปรับปรุงเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ในส่วนคุรุภัณฑ์ต่างๆ จะใช้ของเดิม
ทั้งนี้ ตัวอาคารศาลาว่าการ (เสาชิงช้า) จะปรับเป็นพิพิธภัณฑ์เมือง โดยย้ายสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เข้าไปอยู่เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ดูแลในเรื่องนี้
สำหรับพื้นที่บริการ ร้านค้า ร้านอาหาร กรณีย้ายหน่วยงานไปที่ดินแดงทั้งหมดแล้ว จะมีการจัดให้อย่างเพียงพอกับข้าราชการบุคลากรที่ต้องย้ายไปอยู่จำนวนมาก รวมถึงจัดระบบขนส่ง รถบริการเส้นทางเดินทางให้ด้วย
นอกจากนี้มีแนวคิดจัดให้มีร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดด้วย แต่ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายเพราะมีเรื่องของรายได้ค่าตอบแทน ซึ่งมีกฎหมายกำหนดอยู่สามารถทำได้