ชัชชาติ ประชุมสอท. ใช้คลองหัวลำโพง เป็นต้นแบบ เนรมิตเวนิสตะวันออก

Home » ชัชชาติ ประชุมสอท. ใช้คลองหัวลำโพง เป็นต้นแบบ เนรมิตเวนิสตะวันออก


ชัชชาติ ประชุมสอท. ใช้คลองหัวลำโพง เป็นต้นแบบ เนรมิตเวนิสตะวันออก

ชัชชาติร่วมประชุมสอท. แก้ปัญหาแม่น้ำเจ้าพระยา เนรมิตคลองหัวลำโพงแก้น้ำเน่า ต้นแบบ ยั่งยืน ตั้งเป้าพัฒนา เป็นเวนิสตะวันออก จากคลองทั่วกรุง

วันที่ 21 มิ.ย.2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร กล่าวร่วมประชุมกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) ว่าแผนที่พัฒนาแม่น้ำเจ้าพระยาและลำคลองที่เชื่อมต่อ ให้เป็นแซนบ็อคของ กทม. โดยเลือกคลองหัวลำโพง ระยะทาง 1 กม. ที่ปัจจุบันมีปัญหาไม่สะอาดและมีกลิ่นเน่าเหม็นอย่างรุนแรง จะใช้เป็นต้นแบบ

“โดยดึงสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ส.อ.ท.เข้ามาแก้ปัญหาร่วมกัน ตั้งเป้าหมายพัฒนาคลองหัวลำโพง ให้เป็นเวนิสตะวันออก จากทั้งหมด 1,126 คลองทั่วกรุงเทพฯ”

ขณะเดียวกันได้ให้โรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งในเขตกรุงเทพมหานครที่มีทั้งหมดกว่า 5,000 โรง มีมาตรฐานและดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ให้กระทบต่อชุมชนโดยรอบ การลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับ กทม. ให้เป็นแบบวัน สตอป เซอร์วิส โดยกทม.ยกให้ภาคเอกชนมีบทบาทดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่กรุงเทพมหานครหลังการฟื้นตัวของโควิด เช่น อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นตัวสร้างรายได้ ซึ่งการหารือทั้งหมดภายใต้โครงการที่ทำงานร่วมกันคาดว่าจะเห็นผลภายใน 1-2 เดือน

ด้านนายเกรียงไกรกล่าวว่าการขับเคลื่อนกรุงเทพมหานคร โดยยึดโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) มาใช้ โดยได้เลือกชุมชนคลองเตย เป็นพื้นที่นำร่องในการนำพื้นที่เปล่าในกรุงเทพมหานครมาใช้ประโยชน์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

โดยโครงการก็จะมี การเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยนำสมาชิกส.อ.ท.ทั้งหมดมามีส่วนร่วม และช่วยกันลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การผลักดันโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตร หรือโครงการไซ ซึ่งที่ผ่านมายังมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถขอใบอนุญาตโรงงานได้ เนื่องจากติดผังเมือง รวมถึงขาดมาตรการจูงใจ ทาง กทม.จะไปดูในเรื่องนี้

นอกจากนี้ จะนำขยะหรือของเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและลดปริมาณขยะโดยการใช้หมุนเวียนนำกลับมาผลิตใหม่ แต่ปัญหา คือ ขยะยังขาดการคัดแยกที่ถูกวิธี ต้นทุนการผลิตยังสูง และยังขาดการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ ซึ่งกทม.จะไปจัดการกับขยะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รวมทั้งจะสนับสนุนให้โรงงานในเขตกรุงเทพมหานครทุกแห่ง ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ยกระดับการจัดการสิ่งแวดล้อมโรงงาน เชื่อมโยงเศรษฐกิจให้กับชุมชน และส่งเสริมระบบซิมไบโอซิส การอยู่ร่วมกันระหว่างโรงงานหรือระหว่างโรงงานและชุมชน ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่โรงงานด้วย จะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ได้

หากเอกชนยินยอมให้นำพื้นที่มาพัฒนาตามโครงการไซ จะสามารถลดอัตราการเสียภาษีให้น้อยลงได้ และในภาคประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานในกรุงเทพมหานครสามารถใช้ผลผลิตที่ได้จากในพื้นที่มาบริโภค และสามารถสร้างรายให้กับชุมชม หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนของกรุงเทพมหานคร (กรอ.กทม.) คาดว่าจะเริ่มประชุมกันได้ภายในเดือนก.ค.นี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ