ชัชชาติ ดึงสถาบันอาหาร ยกระดับคุณภาพสตรีทฟู้ด ชี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มาตรฐาน กทม.ต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว สุขุมวิท สีลม พื้นที่นำร่อง

2 ส.ค. 2565 – ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. 2 ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมร่วมกับคณะผู้แทนจากสถาบันอาหาร หารือกรอบแนวทางการดำเนินงานยกระดับ Bangkok Street Food

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัจจุบัน กทม.มีสถานประกอบการอาหารทั้งหมด 22,931 ราย แบ่งเป็นร้านอาหารขนาดไม่เกิน 200 ตารางเมตร 11,274 ราย ร้านอาหารเกิน 200 ตารางเมตร 4,601 ราย มินิมาร์ท-ร้านชำ 4,496 ราย ซูเปอร์มาเก็ต 1,146 ราย ตลาดประเภท 1 จำนวน 115 ราย ประเภท 2 จำนวน 331 ราย และ แผงลอยอาหาร 928 ราย

กทม.จะร่วมมือกับสถาบันอาหาร ยกระดับคุณภาพอาหารสตรีทฟู้ดให้มีความปลอดภัยก่อน เพราะเป็นจุดที่ต้องเร่งพัฒนาคุณภาพ ส่วนใหญ่ตอนนี้อาหารสตรีทฟู้ดไม่ได้มาตรฐาน ต้องยอมรับความจริง ซึ่งกทม.ต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ สถาบันอาหารมีสถานที่สำหรับจัดอบรม มีองค์ความรู้ มีห้องแล็บในการตรวจคุณภาพต่าง ๆ สอดคล้องกับกทม.ที่ต้องการจัดมาตรฐานคุณภาพอาหารสตรีทฟู้ด (หาบเร่แผงลอย)

สำหรับสตรีทฟู้ด หาบเร่แผงลอย แบ่งเป็นออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.หาบเร่แผงลอยตลาดชุมชน 2.ตลาดสำหรับคนทำงานออฟฟิศต่าง ๆ 3.ตลาดนักท่องเที่ยว โดยจะนำร่องยกระดับคุณภาพอาหารก่อน 2 โซนคือย่านสุขุมวิท และ สีลม เพื่อทำเป็นแซนบ็อกซ์ก่อนขยายไปจุดอื่น ซึ่งจะกำหนดจุดและรายละเอียดอีกครั้ง

นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผอ.สถาบันอาหาร กล่าวว่า สตรีทฟู้ดบ้านเรามีชื่อเสียงมากในทั่วโลก เป็นอันดับ 1 ของสตรีทฟู้ดที่ดีที่สุดในโลก แต่มีการตั้งคำถามว่า มีความสะอาดและมีความปลอดภัยหรือไม่ในการรับประทาน ขณะเดียวกันมีนักข่าวเขียนเกี่ยวกับสตรีทฟู้ดในไทยว่า อาหารสตรีทฟู้ดที่ไทยกินได้ แต่ควรกินที่ใช้ความร้อนปรุงตรงนั้น ไม่ควรกินที่ทำไว้แล้ว เพราะเสี่ยงต่อการท้องเสีย ตนไม่อยากให้เกิดแบบนี้ขึ้น อยากให้ทุกคนกินสตรีทฟู้ดด้วยความเชื่อมั่นว่าจะไม่ท้องเสีย ไม่ป่วยไข้ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว