ชวน ไม่ตื่นเต้นถูกกล่าวหาทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ลั่น ไม่เคยทำหน้าที่เฉไฉให้เสียประโยชน์ส่วนรวม เผย ต่อสายคุย วิษณุ หลายครั้ง จี้ รัฐบาลรักษาองค์ประชุม
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 24 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาในการตั้งคำถาม เพื่อลงมติในมาตรา 9/1 ของร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่…) พ.ศ. … ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลลงมติผิด เนื่องจากความเข้าใจผิด ว่า ตนให้ฝ่ายกฎหมายดูถึง 3 ครั้ง ว่าจะถามอย่างไร แต่สมาชิกอาจจะไม่ได้จับประเด็นว่าถามอะไร จึงเกิดความเข้าใจผิด
นายชวน กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องคะแนนน้อยหรือมาก จึงดำเนินการลงมติใหม่ได้ ซึ่งก่อนการลงมติใหม่ ตนก็ได้ขอมติจากที่ประชุมว่าจะให้ลงมติใหม่หรือไม่ แต่ตอนจะลงมติองค์ประชุมหายไปแล้ว เมื่อไม่ครบองค์ประชุม ตนก็ต้องปิดประชุม
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นกลางหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบ 4 ปี ตนคงไม่ไปเฉไฉให้เสียกระบวนการ เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) คนของรัฐบาลก็ขอสงวนคำแปรญัตติขอเพิ่มมาตรา 9/1 ด้วย จึงไม่ใช่เรื่องความไม่เป็นกลาง แต่เมื่อเข้าใจผิดก็นับคะแนนใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีผลอะไรต่อบ้านเมืองส่วนรวม
เมื่อถามย้ำว่า มีการระบุว่าประธานสภาฯ ทำหน้าที่เข้าข้างรัฐบาล นายชวน กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ตนได้ยินตลอด แต่สมาชิกส่วนใหญ่รู้ดีว่า ตนตัดสินสิ่งต่างๆ ด้วยความเป็นกลาง ส่วนเมื่อตัดสินแล้วบางคนไม่พอใจก็บอกว่าตนไม่เป็นกลาง เหมือนเป็นสูตรที่ท่องมา อย่างไรก็ตาม สำหรับงานสภาคงต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้มาร่วมประชุม ซึ่งระบบนี้ฝ่ายที่เป็นรัฐบาลได้คือมีเสียงข้างมาก ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเรื่ององค์ประชุม
“ผมได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยบอกรัฐบาลด้วยว่าสภามีเวลาไม่มากนัก ขอความร่วมมือทุกพรรคให้มาประชุม ส่วนพรรคการเมืองจะไม่พอใจอะไรกันก็เป็นเรื่องหนึ่ง ตนไม่มีโจทย์ไปแกล้งให้ไม่ครบองค์ประชุม เพราะในส่วนรวมไม่มีใครได้อะไร” นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุการณ์องค์ประชุมล่มจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ใช้อ้างเป็นเหตุผลเพื่อยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะอำนาจเรื่องนี้อยู่ที่รัฐบาล เราไม่ทราบว่าเขาคิดอย่างไร การเมืองผันแปรทุกวัน แต่ตอนนี้รัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่ ถ้ามีการเสนอญัตติหรือกฎหมายของรัฐบาลเข้ามา ตนก็มีคำถามว่าถ้าไม่มาเป็นองค์ประชุมจะผ่านได้อย่างไร
นายชวน กล่าวต่อว่า ฉะนั้น ต้องย้ำเรื่องความรับผิดชอบ ประชาชนจับตาดูอยู่ ส่วนตัวเรียกร้องทุกคนให้มาร่วมทำงานของสภาให้จบ ที่ผ่านมาสภาทำหน้าที่ดีมาตลอด ขอให้รักษาสภาพที่ดีแบบนี้ตลอดไป ส่วนเรื่องไม่พอใจกันระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่งานสภาขอให้ร่วมมือกัน
เมื่อถามว่า ต้องเรียกประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มาพูดคุยหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เข้าใจว่าวิป 2 ฝ่าย ไม่ค่อยลงกัน ไม่ค่อยหารือ ขัดแย้งกันตลอด เวลาจะวินิจฉัยอะไร ประธานเลยตัดสินเอง ซึ่งปัจจุบันไม่เหมือนอดีต เวลาจะถามว่าใครดูแลเรื่ององค์ประชุมก็หาตัวยาก ถามรัฐบาลก็บอกนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเคยบอกว่ารัฐบาลมอบท่าน ท่านต้องมาดูแลบ้าง แต่ก็เข้าใจว่ารัฐมนตรีก็มีงานประจำอยู่
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ภายหลัง 14 ส.ส.เข้าชื่อ เพื่อให้สอบกรณี “บิ๊กสภา” ใช้อำนาจล็อบบี้ข้าราชการจ่ายเงินส.ส. ประมูลห้องอาหารจัดเลี้ยงส.ส. ประธานสภาฯ กล่าวว่า บังเอิญตนไม่ได้ดูแลเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องของฝ่ายประจำที่จะพิจารณา ซึ่งตนจะสอบถามความคืบหน้าจากเลขาธิการสภาฯ ให้
เมื่อถามถึงกรณีส.ส.ภาคใต้ และภาคอื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ ย้ายไปพรรคอื่นจำนวนมาก นายชวน กล่าวว่า รอให้ผู้บริหารพรรคชี้แจงดีกว่า ถามย้ำว่า ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของพรรคเห็นอย่างไร นายชวน ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “พอพ้นตำแหน่งก็มีคนใหญ่กว่าผู้ใหญ่”