‘ชวน’ มาแล้ว! ซักฟอกวันที่ 3 ‘เต้’ คอนเทนต์อุ้มพระขอบิณฑบาต ‘ประยุทธ์’ ลาออกปลดปล่อยประเทศ ส.ส.เพื่อไทย ติง นายกฯ–รมต. หายเกลี้ยงไม่ร่วมรับฟัง
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ก.ค.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
โดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นคิวแรกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยระบุถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงการบริหารของรัฐบาล ทั้งการปล่อยเครื่องบินของเมียนมารุกล้ำน่านฟ้าไทย สถานการณ์หนี้ต่างๆของประเทศ การกู้เงิน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมันที่สูงมากกว่าเดิม ทำให้รายจ่ายประชาชนเพิ่มแต่รายได้เท่าเดิม
“พล.อ.ประยุทธ์ ค่อนข้างเกรงใจเมียนมา เปิดให้เครื่องบินรุกล้ำอธิปไตยไทยได้ถึง 5 กม. ใช้ปืนกลประหัดประหารชาวกะเหรี่ยงที่เป็นมิตรที่ดีกับประเทศเรามาโดยตลอด และยังทำให้ทรัพย์สินของไทยได้รับความเสียหาย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชื่อว่าเป็นคนเลือดเย็น หรือเรียกว่าอาชญากรทางสงคราม ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งมา 7 ปี 10 เดือน 27 วัน พิสูจน์แล้วว่าอยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง ลงพื้นที่ก็กลัวตาย ขนตำรวจทหารกว่า 5 พันนาย ตัดสัญญาณมือถือเพราะกลัวถูกลอบสังหาร
ท่านต้องยอมรับว่าอยู่ไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ เป็นตัวถ่วงของประเทศ ผมอยากให้ท่านปล่อยคนไทยและประเทศเสียที ผมขอบิณฑบาตพล.อ.ประยุทธ์ ให้ปลดปล่อยประเทศไทย และประชาชนด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ อยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์” นายมงคลกิตติ์ กล่าวพร้อมอุ้มพระพุทธรูปปางบิณฑบาต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายมงคลกิตติ์ อภิปรายเสร็จสิ้น นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือว่า วันนี้เป็นการอภิปรายไม้ไว้วางใจรัฐมนตรี แต่รู้สึกแปลก เพราะบนบัลลังก์ไม่มีรัฐมนตรีมาเลย จึงขอให้ฝ่ายรัฐบาลเร่งรัดเข้ามาสภาฯ และให้เกียรติสภาด้วย
จากนั้น เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงลำดับการอภิปรายของ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ปรากฎว่าภายในห้องประชุมทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรียังไม่มีใครมานั่งรับฟังการอภิปรายของสมาชิก ทำให้นายขจิตร ขอหารือประธานในที่ประชุมว่า ตนเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยอภิปรายลับหลังใคร
แต่จนถึงตอนนี้นายกฯ ไม่อยู่การอภิปรายแบบนี้เป็นสภาที่ไม่มีคุณภาพ อย่างน้อยตนจะอภิปรายนายกฯ ควรจะได้ทราบว่านายกฯได้ฟังอยู่หรือไม่ เพราะตนจะอภิปรายในเรื่องสำคัญที่จะให้สมาชิกในห้องประชุมแห่งนี้ได้ลงมติไม่ไว้วางใจ จึงขอให้ประธานแจ้งว่านายกฯอยู่ที่ไหน ตนมาพูดกับนายกฯ ไม่ได้มาพูดเล่น แต่มาพูดจริง มาทำกันอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นรัฐมนตรีที่จะตอบแทนนายกฯก็ต้องมานั่งฟัง เราจะอภิปรายโดยไม่เอาใจใส่ใคร จะมาหรือไม่มาก็ได้ จะเอากันแบบนี้หรือ
ด้าน นายชวน ชี้แจงว่า ตนก็ไม่ทราบว่านายกฯอยู่ที่ไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ถูกอภิปรายจะอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม เป็นสิทธิของนายขจิตร ว่าจะหยุดอภิปรายเพื่อรอนายกฯ หรือจะอภิปรายทันทีก็เป็นสิทธิของท่าน
ทำให้ นายขจิตร กล่าวว่า วันนี้ตนมากล่าวหานายกฯว่าเป็นอาชญากร เพราะก่ออาชญากรรม วันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ตนจะกล่าวหานายกฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศ ก็ขอเอาแบบที่ไม่ต้องมีรัฐมนตรีมานั่งแม้แต่คนเดียวก็ได้ เอาแบบนี้ก็เอา
จากนั้น นายขจิตร จึงเริ่มอภิปรายอภิปรายคดีค่าโง่คลองด่าน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ 4.8 พันล้านบาท เนื่องจากมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนั้นให้จ่ายเงินแก่เอกชน ผิดประมวลกฎหมายมาตรา 157 สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อแผ่นดิน นายกฯละเลยไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย
นอกจากนั้น เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ มาดำรงตำแหน่งนายกฯในรัฐบาลปัจจจุบัน ยังละเว้นไม่ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงหาผู้รับผิดทางแพ่ง ที่ได้จ่ายเงิน 4 พันกว่าล้านบาท เพราะคนที่ต้องรับผิดชดใช้เงินรัฐ คือ ครม.รัฐบาลประยุทธ์สมัยคสช.
“ผมขอมือพรรคร่วมรัฐบาลช่วยสนับสนุน วันนี้ได้ข่าวว่าจะมีส.ส. 2-3 คนจะไม่ไว้วางใจ ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ไปตั้งพรรคใหม่ ธรรมนัสน้องรัก ขอให้ช่วยยกเถอะให้นายกฯ ออก จะได้ใช้ระบบรัฐสภาให้เป็นประโยชน์ เปลี่ยนแปลงการปกครองได้ หากส.ส.ไม่ใช้มืออันศักดิ์สิทธิที่ประชาชนให้มา ผมเชื่อว่าจะเกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ ไม่มีการเลือกตั้ง ใครอย่าไปเตรียมอะไรมาก” นาขจิตร กล่าว