ชมพู่ หวิดเลิกสามี ทะเลาะทำบ้าน 30 ล้าน เคลียร์ใจ เป็กกี้ เพื่อนซี้เหลือแค่ร่วมงาน

Home » ชมพู่ หวิดเลิกสามี ทะเลาะทำบ้าน 30 ล้าน เคลียร์ใจ เป็กกี้ เพื่อนซี้เหลือแค่ร่วมงาน


ชมพู่ หวิดเลิกสามี ทะเลาะทำบ้าน 30 ล้าน เคลียร์ใจ เป็กกี้ เพื่อนซี้เหลือแค่ร่วมงาน

ชมพู่ ก่อนบ่าย หวิดเลิกสามี ทะเลาะทำบ้าน 30 ล้าน เคลียร์ใจ เป็กกี้ จากเพื่อนรักเหลือแค่เพื่อนร่วมงาน เสียเวลาโกรธกันอยู่ตั้งนาน เพิ่งคืนดีกอดคอร้องไห้

นักแสดงตลกสาว ชมพู่ ธัณย์สิตา เปิดบ้านมูลค่า 30 ล้าน พร้อมควงสามีหนุ่ม บอย วัชรพงศ์ และลูกๆ น้องธารา, น้องวายุ เปิดเรื่องราวชีวิตครอบครัวที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน พร้อมเผยก่อนหน้านี้ ชมพู่ กับ เป็กกี้ ศรีธัญญา 2 พิธีกร คุยแซ่บshow จากเพื่อนที่รักกันมาก มีเรื่องไม่เข้าใจความสัมพันธ์เหลือแค่เพื่อนร่วมงาน ผ่านทาง รายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง วัน31 ที่มีบูม สุภาพร และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

บ้านหลังนี้เท่าไหร่? ชมพู่ : “คุมงบในใจคร่าวๆ ประมาณ 30 ล้านไม่เกิน แต่มันยังมีอะไรที่ยังไม่เสร็จอีก ยังมีเรื่องงานสวน งานพื้น งานซ่อมบ่อ งานที่เราต้องวางไว้ในอนาคต แพลนดาดฟ้าอีก มันยังมีอีก แต่เราพยายามจะไม่นึกถึงแล้ว หลังจากนี้เราก็ค่อยๆ ทำความสุขของเราเรื่อยๆ”

บ้านหลังนี้สร้างเองทั้งหมด? ชมพู่ : “ใช่ค่ะ เป็นการซื้อที่เปล่าแล้วสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ ประมาณ 150 ตารางวาเอง เราโชคดีที่ตอนนั้นซื้อในราคาที่ตรงนี้ยังไม่ขึ้น ทั้งหมด 5 ล้านกว่า”

ระยะเวลาในการสร้างบ้านเท่าไหร่? ชมพู่ : “เราวางไว้จริงๆ ปีนิดๆ แต่เราโดนไปประมาณ 2 ปีครึ่ง เพราะเราโดนโกงปีแรกก่อนไง เราจ่ายเงินเก่ง จ่ายเงินไว งานไม่เดิน เงินไปแล้ว ซึ่งช่วงแรกเขาก็มีเหตุผล ช่วงหน้าฝนดินมันเป็นอย่างนี้ ทำไปก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ค่าดูดน้ำ ค่าทราย ค่านู่นนี่นั่น เบิกเพิ่มได้ไหม เราอยากอยู่บ้านแล้ว เอาเงินไปสิจ๊ะ”

โดนไปเท่าไหร่? ชมพู่ : “7 แสนได้ไหม” บอย : “ตอนนี้ที่เป็นคดีฟ้องร้องกันอยู่ประมาณล้านกว่าบาทครับ เงินล้านกว่าบาทนี่มันเยอะนะ แต่ที่ผมอยากจะเอาเรื่องเขาเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นโดนอีก”

หลังคาบ้านพิเศษยังไง? ชมพู่ : “เขาบอกว่ามันเป็นนวัตกรรมตัวใหม่ 10 ปีไม่ต้องทาหลังคาใหม่ ฝนตกปุ๊บหลังคาเงาวับ ขึ้นจากข้างบนถ่ายโดรน หลังคาบ้านสวยมาก เอาไหมคะ มือสั่นเลย เซ็นเอาค่ะ 300,000 บาท”

บอย : “คือหลังคาทุกที่ก็เป็นแต่มันไม่เงาเท่านั้นเอง”
ชมพู่ : “หนูอยากได้เงา หนูชอบเงาๆ”
บอย : “ตรรกะแปลกๆ”

สามีรู้จักการใช้เงินมาก แต่ภรรยาจะขัดทุกอย่างตอนสร้างบ้าน? ชมพู่ : “อย่างเช่นห้องน้ำ พอเดินเข้าไป รุ่นนี้เป็นรุ่นสเปนนะคะ มือไม้สั่น เซ็นเอา จาก 7 หมื่นก็คูณ 3 ไปเหมือนกัน”

เห็นว่าอ่างแพงมาก? ชมพู่ : “เราก็อยากมีจากุซซี่ ความฝันของเรา อยากโรแมนติกอยู่ในอ่างน้ำของเรา ถามว่ามาอยู่นี่ได้ตีกี่วัน 1 วันถ้วนตั้งแต่มา ส่วนมากจะเป็นธารากับพ่อเขา แล้วเขาก็ไปดูอ่างในอินเตอร์เน็ตมา เป็นสีๆ สวยดี แต่มันเป็นไฟเบอร์ไง มันจะแข็งแรงหรือเปล่า”

อ่างกี่บาท เห็นว่าเกือบล้าน? ชมพู่ : “ไม่ถึง ประมาณ 2 แสน”
บอย : “รวมๆ ในห้องน้ำเป็นล้านครับ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราเกินตัวนะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เขาชอบก็แล้วแต่”

ชมพู่ : “อยากอธิบายมุมนี้เหมือนกัน ทำงานในวงการบันเทิงน่าอิจฉาเหมือนกันนะมีเงินทำบ้านใหญ่ๆ แบบนี้ แต่คุณเราทำมาเกือบ 20 ปีนะ แล้วเราก็เก็บทุกบาททุกสตางค์ เพื่อบ้านที่ดีที่สุดในชีวิตเรา บ้านที่เราจะอยู่ดูลูกโตแล้ว ทุกอย่างในสมองพู่คือขอทำครั้งเดียวและดีที่สุด ไม่งั้นเราต้องมาขออนุญาตในการก่อสร้างใหม่ มาทำทุบใหม่ มันก็เป็นเรื่องของฝุ่น เรื่องของการเสียเวลาอีก อันไหนที่มันอยู่ได้ระยะยาว และทนทานก็ยอม”

เห็นว่าทำแล้วทุบทำใหม่ มันเลยช้า ทุบอะไรไปบ้าง? ชมพู่ : “ห้องของเล่นลูก ตอนแรกไม่มีห้องนี้นะ เป็นดาดฟ้าโล่งๆ ใจเราอยากเห็นวิว อยากเห็นท้องฟ้าจัดๆ เวลานั่งกินข้าวจะได้เห็น บ้านจะเสร็จอยู่แล้ว ข้างบ้านมาซื้อที่สร้างสูงเท่าบ้านเรา เราก็เลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ห้องนี้ใช้ได้ และเพื่อความสวยงามด้วย เราก็บอกผู้รับเหมาว่าเราเพิ่มห้องนี้ได้ไหม เขาหันมาถามเราคำแรกเลย ยังไม่อยากย้ายเข้ามาเหรอพู่ คือเราไม่รู้ว่ามันเรื่องใหญ่ มันต้องทุบห้องข้างล่าง เพื่อสอดคานเหล็กเข้าไปใหม่ ห้องข้างล่างที่ทำเสร็จแล้วก็ทุบโซนข้างบนใหม่ ทำคาน เพื่อจะตีเหล็ก ทำหลังคา ทำกระจก งานเข้าก็เพิ่มไปอีกล้านกว่าบาท”

คู่นี้เกือบเลิกกัน ทะเลาะกันเพราะทำบ้าน? บอย :ตั้งแต่สร้างบ้านหลังนี้มา เราเคยคุยว่าถ้าเราอยู่บ้านหลังเก่า เราคงไม่ทะเลาะกันขนาดนี้ คือเราไม่ได้เป็นคนผิดนะ คือคุณลองดูตัวเองแล้วระงับสติอารมณ์ตัวเองหน่อย แล้วทุกครั้งที่เขาหงุดหงิดก็มาลงใส่เรา ก็เลยคิดว่าแบบเวลาเราพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องบ้าน เราพูดไม่ได้เลย ใส่เราแล้ว อารมณ์เหวี่ยงใส่เราแล้ว”

 

ชมพู่ :เมื่อก่อนเป็นคนคุมอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ นิสัยไม่ดี อันนี้ไม่ดีสำหรับชีวิตคู่เลย ห้ามพูดว่าแยกย้ายกันเด็ดขาด แต่นี่เป็นโรคอะไรไม่รู้ พอเวลาไม่พอใจ แยกไหม ต่างคนอย่างอยู่เถอะ เป็นเพื่อนกันไหมบอย เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเถอะ”

มันมีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกชมพู่เลยว่าเขารู้สึกแย่? บอย : “พอเราไปซื้อของด้วยกัน เวลาผมถามเขาบอกว่าแล้วให้ผมมาทำอะไร ผมมีสิทธิ์อะไรในบ้านหลังนี้บ้าง เขาบอกว่านี่ไปเลือกเอาสิสายฉีดตูด เฮ้ย…ชีวิตคู่ให้เราเลือกแค่สายฉีดตูดเหรอ ส่วนร่วมของบ้านเรามีอะไรบ้าง บ้านนี่เราอยู่ด้วยกันใช่ไหม เรามองลูกเป็นหลักใช่ไหม มันไม่มีจุดตรงนั้นเลยจริงๆ มันกลายเป็นจุดที่เขาจะเอาๆ เบียดเราจนเราไม่มีที่อยู่”

มีคำนึงที่ชมพู่พูดว่าเหนื่อยนะที่ต้องหาเงินมาสร้างบ้านหลังนี้? บอย : “ในจุดที่พูดกันภาษาที่เรายังไม่มีลูก มันอาจจะไม่มีเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ แล้วก็ได้ ทุกวันนี้ที่หนูพูดว่าไม่ไหวเลิกไหม มันต้องดูลูกก่อน อยากเห็นลูกโต หลังจากลูกโต เราอาจจะเป็นอีกมุมนึง เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้เรามีความสุขด้วยกัน อยู่ด้วยกัน พยายามตั้งสติก่อนที่จะพูดอะไร อย่าลืมว่าเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกก่อนที่จะคบกัน เขาเป็นคนไม่พูด ไม่ค่อยหวาน แต่ใส่ใจไหม ใส่ใจ แต่หนูอะลองดูว่าหนูลืมอะไรไปหรือเปล่า ใครกันที่เปลี่ยน รู้ว่าเหนื่อยแหละเข้าใจ”

ชมพู่ : “ชีวิตคู่เราสองคนมีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งคบกันใหม่ๆ ที่เขาบอกว่ายามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน บางทีเราก็มองข้ามข้อเสียของกันและกันไป บางทีเรารู้สึกว่าคุณเป็นคนไม่หวาน แต่ใหม่ๆ เรารับได้ แต่พอวันนึงเราเหนื่อย ทำงานหนัก อายุมากขึ้น พอความหวานมันไม่หวาน เราอยากได้ความหวานไง เราอยากได้เยอะๆ อยากได้ตลอดเวลา อยากได้แค่ข้อความ วันนึงแบบเหนื่อยไหม กินข้าวหรือยัง หรือกลับมาเห็นหน้ามาหนูกอดให้กำลังใจวันนี้เหนื่อใช่ไหมคะ หรือโทรศัพท์คุยกันหนูก็จะคอยถามว่าวันนี้อารมณ์ไม่ดีเหรอ เขาบอกไม่ปกติ เขาก็เป็นของเขาอย่างนี้ ซึ่งบางทีที่เขาพูดมาเราลืมว่าตอนที่คบกับเขาใหม่ๆ เขาก็เป็นสายติสต์ๆ เงียบๆ ของเขาแบบนี้นี่หว่า แต่กลายเป็นวันนึงเราอยากได้ขึ้นมา เขาก็เปลี่ยนให้ไม่ทัน แต่ถ้ามาดูจริงๆ เขาให้เราเยอะมาก มีอะไรเขาก็ให้เรา ให้ลูก กลับมาบ้านหิวๆ อยากกินอะไรเขาก็ขับรถไปตลาดมาทำให้เรากิน แค่เปรยอะไรไม่ได้เลย หรือว่าเวลาอยากได้อะไรเป็นพิเศษเขาก็จะแอบเก็บข้อมูลแล้วทำให้เรา ซึ่งเขาเคยบอกว่าเอาจริงๆ ใครที่เปลี่ยนไป เออ…เราอาจจะเป็นคนที่เปลี่ยนไปก็ได้”

ถึงไม่ได้เขียนไดอารี่ ความรักยังคงเดิมไหม? บอย : ถ้าสมมติอนาคตเรามีเหตุการณ์เลิกกันเนี่ย ถ้าย้อนเวลากลับไปใหม่ผมก็ยังเลือกเขาอยู่ แล้วเราจะมาแก้ไขสิ่งไม่ดีตั้งแต่เริ่มแรกใหม่

ชมพู่กับเป็กกี้เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่มีเรื่องทำให้ทะเลาะกัน? ชมพู่ : “มันเริ่มต้นคือพู่กับเป็กจะไปงานอีเว้นต์ต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยมาก สมัยที่เราเริ่มสร้างชื่อเสียงกัน เป็นเพื่อนกัน ไปแฮงค์เอ้าท์กัน เวลาไปทำงานก็ปรึกษาและให้กำลังใจกันเรื่อยๆ แต่มีอยู่ช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าทำไมเป็กกี้คุยกับเราแปลกๆ ไม่ได้คุยเหมือนเดิม ทำไมก็ไม่รู้”

เป็กกี้ : “อันนี้ต้องยอมรับว่าใจจาง เพราะว่าเราถอย ไม่ใช่ว่าไม่รักหรือไม่ชอบอะไรนะ แต่เราพอมาถึงวงการบันเทิงได้เจอเรื่องราว ผู้คนซึ่งทำให้รู้สึกว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง มันน่ากลัวพอสมควรกับเรื่องที่ไปเจอมา ก็เลยรู้สึกว่าถอยๆ จากการคบคนดีกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นยังไงกันแน่ สิ่งที่เขาคุยกับเราอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องไม่จริง”

ชมพู่ : “มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเข้าใจผิดในบางเรื่อง มันทำให้เรารู้สึกว่าเป็กคิดกับเรายังไง พู่คิดกับเป็กยังไง มันก็เลยทำให้ห่างกันโดยแบบปริยาย”

ถึงแม้ทั้ง 2 คนเป็นพิธีกร คุยแซ่บshow ด้วยกัน ก็ไม่คุยกัน? ชมพู่ : “คุยเรื่องงาน คือเข้าใจไหม มันเคยใจกันมามากๆ”

เป็กกี้ : “คลอดลูกคือไปรับขวัญหลานอะไรปกตินะ แต่ว่าความรักที่มันแบบเคยรักกันเต็มที่ มีอะไรคุยกันทุกเรื่อง แต่ไม่กล้าคุย”

ชมพู่ : “มีฝันรู้สึกแปลกๆ แต่ว่าพยายามทำใจ บางทีเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป คนเรามันเปลี่ยนตาม ก็ไม่เป็นไร เราเจอกันในฐานะเพื่อนร่วมงานก็ได้ แต่ไม่ใช่เพื่อนรัก”

เป็กกี้ : “จากเพื่อนรักกลายเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน”

ตอนนั้นทำไมเราไม่ถามเขาไปตรงๆ เลย ทำไมเราถึงถอยออกมา? ชมพู่ : “มันไม่รู้จะถามเพื่ออะไรด้วย หรือว่าเราใช้ชีวิตแบบเข้าใจไปแล้ว เข้าใจว่าเป็กเป็นแบบนี้ แล้วลึกๆ เราก็เข้าใจว่าสงสัยเราไปทำอะไรให้เป็กรู้สึกไม่ดีแน่เลย หรือเราไปพูดอะไรทำให้เป็กไม่ชอบเราหรือเปล่า เพราะบางทีเรารู้สึกว่าเวลาเป็กพูดสัมภาษณ์ อันนั้นเป็กพูดถึงเราหรือเปล่า เราไปทำให้เขาไม่สบายใจตอนไหนวะ แต่เราก็รู้สึกโอเคไม่เป็นไร ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้ว เราห้ามสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ได้ เราเลยเป็นเพื่อนร่วมงานก็แล้วกัน”

เป็กกี้ :เราไม่ใช่ไม่รักชมพู่นะ รู้สึกดี แต่ว่าไม่ได้รัก ไม่ได้ให้ใจเหมือนสมัยก่อน คือถอดใจมาเลยว่าด้วยความกลัวผู้คน กลายเป็นว่า พู่ก็น่ากลัวปะเนี่ยหรือว่ายังไง กลับมาอยู่ในเซฟโซน เพราะว่ามีความไม่มั่นใจในผู้คน”

ชมพู่ : “เชื่อไหมว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย และเมื่อไม่นานมานี้เองที่เราเปิดใจคุยกันและดีกัน”

เป็กกี้ : “พู่ถามเราก่อนว่าเธอโกรธอะไรฉันหรือเปล่า ฉันบูลลี่อะไรเธอไหม นี่ก็บอกว่าเธอไม่ได้บูลลี่อะไรฉันเลย และเล่าเหตุการณ์ว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ ก็เลยกอดกันแล้วร้องไห้”

มันต้องมีจุดที่ทำให้ชมพู่ถามเป็กกี้ตรง? ชมพู่ : “ใช่”

เป็กกี้ : “วันนั้นมาบ้านเขาแล้วไม่มีใครที่เป็นเพื่อนในกลุ่มที่ไว้ใจได้ แล้วเราก็คุยกัน”

ชมพู่ : “เราปาร์ตี้ แล้วบอกว่าเป็กเมื่อก่อนเรามีความสุขแบบนี้กันมากเลย เรานั่งชนแก้วคุยเรื่องอดีต เรื่องมุกกัน คืนนั้นเราขำมากเลย เราชอบบรรยากาศนี้จังเลยแล้วมันหายไปไหน เป็กกี้ก็ระบายออกมา เธอไม่ได้ผิดเลย”

เป็กกี้ : “ฉันกลัวเฉยๆ ฉันไปมีเรื่องมีราวมา แล้วก็เล่าให้เขาฟังว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปเจอคนแบบนี้มา แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันต้องทำตัวยังไงเพื่อที่จะอยู่รอดในวงการบันเทิง โดยที่ฉันจะไม่มีเรื่องมีราวกับใคร วิธีเดียวคือฉันต้องถอยและไม่คบใครเป็นเพื่อน”

ชมพู่ :หลังจากวันนั้นที่เราได้เจอ ได้คุย กอดคอร้องไห้ หลังจากนั้นมันเหมือนอะไรสักอย่างที่ติดอยู่ในใจมาหลายปี มันคลาย มันหาย แล้วมันโล่งเหมือนยืนอยู่กลางน้ำตก ได้เพื่อนกลับมาแล้ว

เป็กกี้ : “ความรู้สึกเราเหมือนเด็กโง่ อะไรรู้ปะ เรื่องมันไม่มีอะไรเลย แล้วก็ด้วยความกลัวหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้เราเสียมิตรภาพ ซึ่งเป็นมิตรภาพดีๆ และมิตรภาพแท้ๆ ซึ่งสังเกตไหมเป็กอยู่ในวงการบันเทิง เป็กไม่มีเพื่อนเลยนะ เวลาไปออกรายการเขาถามสนิทกับใคร ใจนึกถึงชมพู่คนแรก แต่ก็ไม่ชวน ฉันตอบกับทุกรายการที่ถามว่าสนิทกับดาราคนไหนว่าไม่สนิทกับใครเลย ไม่มีเพื่อนเลยสักคน”

ชมพู่ : “บางทีพอมาย้อนฟังคำพูดพวกเราก็ทำให้คิดได้นะ อย่าเสียเวลากับการใช้ชีวิต อย่ามัวแต่โกรธเกลียดกัน การให้อภัยมันเป็นอะไรที่ดีที่สุด การเคลียร์ใจเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด เพราะว่าพอมันได้มิตรภาพกลับมามันมีค่ามหาศาล พอมาย้อนกลับไปเราทะเลาะกันทำไม เสียเวลา

ตอนนี้น้องธารากับน้องวายุอายุเท่าไหร่? ชมพู่ : “ธารา 2 ขวบ 4 เดือน วายุ 8 เดือน พัฒนาการเขาดีมาก อย่างธาราแม่เป็นคนช่างพูด จะคุยกัลูกสอนคำศัพท์ ส่วนวายุเป็นเด็กแข็งแรง ตัวใหญ่ กินเก่ง”

เห็นบอกว่าธาราเกือบไม่รอด? ชมพู่ : “ใช่ เราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นโรคเวลาความร้อนขึ้นสูง ไข้สูงจะเข้าสู่สภาวะชัก แล้วครั้งแรกเราไปทำบุญด้วยกัน แล้วได้ยินเสียงธาราตื่นๆ พอถึงหน้าห้องฉุกเฉินก็คือลูกแขนขาห้อย แล้วเราก็พยายามอธิบายให้คุณหมอฟัง วัดไข้ สรุปไข้ 40 เขาเลยชักแล้วนิ่งไป อันนั้นครั้งแรกที่เห็นลูกนิ่งไปแล้ว แต่ล่าสุดที่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังคือเขาไข้สูงอีก แล้วเรารู้สึกว่าลูกเราไข้สูงแล้วชัก ตอนนั้นไข้ประมาณ 37-38 ไปโรงพยาบาลดีกว่า ไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก ลูกก็เริ่มนิ่งไป หนูก็บอกว่าหมอ ลูกหนูมีประวัติไข้สูงแล้วชัก ดีนะตอนนั้นอยู่ห้องฉุกเฉินแล้ว แล้วมือเขาก็ค่อยๆ ไป แล้วน้ำลายฟูมปาก แขนขาเกร็ง เห็นแล้วแบบน้ำตามันไหลออกมาเอง หมอก็บอกว่าไปเอาออกซิเจนมา คืนนั้นก็ต้องอยู่ ICU เขาบอกว่าเด็กจะเป็นแบบนี้ถึงประมาณ 6 ขวบ”

คุณหมอบอกไหมว่าถ้าชักบ่อยๆ จะมีผลต่อสุขภาพหรือพัฒนาการไหม? ชมพู่ : “เมื่อก่อนมีความเชื่อว่าลูกเป็นแบบนี้พัฒนาการและสมองจะไม่ดี แต่วันนั้นหมอพยายามอธิบายแล้วว่ามันไม่เกี่ยว ภาวะชักมันเป็นไปได้เพราะระบบภายในมันร้อนจัด แต่สมองกับพัฒนาการไม่มีผล ไม่ต้องกังวลมาก แค่สังเกตอาการถ้าเขามีความร้อนอีกก็ปฐมพยาบาลให้ยาลดไข้ แต่ถ้าดูว่าจะสูงมากๆ ให้รีบแอดมิตเลย”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ