ชพก. ส่ง แวววรรณ สู้สนามกทม. ขอโอกาสคนรุ่นใหม่ ดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน

Home » ชพก. ส่ง แวววรรณ สู้สนามกทม. ขอโอกาสคนรุ่นใหม่ ดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน


ชพก. ส่ง แวววรรณ สู้สนามกทม. ขอโอกาสคนรุ่นใหม่ ดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน

ชาติพัฒนากล้า ส่ง “แวววรรณ” สู้เลือกตั้งสนาม กทม. ขอโอกาสคนรุ่นใหม่ ดูแลคุณภาพชีวิตชาวกรุง “อรรถวิชช์” ติวเข้มยุทธศาสตร์หาเสียง

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2566 พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายวรวุฒิ อุ่นใจ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ประกาศส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงเลือกตั้งครบทั้ง 33 เขต พร้อมชูสโลแกน “กล้า Fight : ชาติพัฒนากล้า เราสู้เพื่อคุณ” สู่เป้าหมายให้คนไทย “งานดี มีเงิน ของไม่แพง”

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ พรรคส่งผู้สมัครคนรุ่นใหม่ลงสนามเลือกตั้ง เนื่องจากต้องการดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ และมีศักยภาพเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศ โดยในพื้นที่เขต 9 บางเขน-จตุจักร-หลักสี่ พรรคชาติพัฒนากล้า ได้ส่ง น.ส.แวววรรณ ก้องไตรภพ กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีประสบการณ์หลายด้าน เก่งเรื่องการประสานงาน กล้าคิด กล้าทำ และทำได้ไว สมฉายา “แวววรรณ เคลียร์ไว”

นอกจากนี้ เคยทำโครงการกล้าอาสา ช่วยประสานงานดูแลประชาชนทั่วประเทศ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 พรรคจึงเห็นว่า น.ส.แวววรรณ มีความพร้อมด้วยประสบการณ์และความสามารถ เหมาะสมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.คนรุ่นใหม่ เข้าไปผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

ด้าน น.ส.แวววรรณ กล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในชีวิต เกิดจากความกล้าที่อยากเห็นประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสุขและความปลอดภัย ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ไม่ทอดทิ้งกลุ่มเปราะบาง ตนเชื่อว่าความปลอดภัยต้องเริ่มจากที่บ้าน ซึ่งพรรคมีนโยบายปรับปรุงบ้านครอบครัวละ 50,000 บาท เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและคนพิการ ปรับปรุงส่วนต่างๆ ของบ้าน เช่น ห้องน้ำ ราวจับ เพื่อให้ผู้สูงอายุและคนพิการใช้ชีวิตได้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สิ่งสำคัญคือการดูแลปากท้อง เสริมสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งพรรคมีนโยบายลดภาษี โดยบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 40,000 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายภาษีลงได้ปีละประมาณ 7,500 บาท รวมถึงนโยบายการรื้อโครงสร้างพลังงาน ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และลดต้นทุนทางธุรกิจ

น.ส.แวววรรณ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนทำงานใกล้ชิดกับนายอรรถวิชช์ จึงได้รับคำแนะนำเรื่องการทำงานและการลงพื้นที่หาเสียง ที่ต้องขยันลงพื้นที่ เพื่อเข้าถึงพี่น้องประชาชน แม้ว่าการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ จะถูกมองว่าเป็นนักการเมืองหรือผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เชื่อว่าความใหม่จะเป็นทางเลือกให้ประชาชน ที่อยากเห็นประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยพลังคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถเท่าทันต่อสถานการณ์โลก และจะเป็นยุคใหม่ของการเมืองไทย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ