ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ออกเอกสารเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยได้เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาสามารถติดต่อได้ง่ายเหมือนโรคอีสุกอีใส และมีช่วงเวลาในการแพร่ระบาดยาวนานกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม
นอกจากนี้ CDC เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะทำให้ผู้สูงอายุเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น แม้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส
CDC ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 132 ประเทศทั่วโลก และได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ สามารถแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดสเปน ไข้ทรพิษ เชื้ออีโบล่า โรคซาส์ (SARS) และโรคเมอร์ส (MERS)
ทั้งนี้ มีเพียงโรคหัด (measles) เท่านั้นที่มีการระบาดได้เร็วกว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
CDC ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในรัฐต่างๆควรแจ้งให้ประชาชนทราบถึงประโยชน์ในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้ไม่น้อยกว่า 10 เท่า และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อได้ถึง 3 เท่า
โดยเพจดังอย่าง Drama-addict ยังขยายความถึงเอกสารดังกล่าวของ CDC อีกด้วย โดยระบุว่า
เอกสารภายในของ CDC ในภาพแรกนี่ ดูง่ายๆ แกนตั้ง เป็นความรุนแรง อัตราการเสียชีวิตของโรค ยิ่งสูง ยิ่งป่วยตายกันเยอะ ซึ่งโควิดสายพันธ์เดลตานี่ ระดับความรุนแรง เพิ่มขึ้นจากสายพันธ์ดั้งเดิมในระดับหนึ่ง
แต่ให้ดูแกนนอน คืออัตราการแพร่ระบาด ค่า R0 ยิ่งเยอะ ยิ่งแพร่ง่าย พวกหัดเอย อีสุกอีใสเอย พวกนี้แพร่ง่ายแบบสุดๆ และค่า R0 ของสายพันธุ์เดลตา คือ 5-9 สูงระดับเดียวกับอีสุกอีใส
มีพูดถึงประสิทธิภาพของวัคซีน pfizer สองโดสต่อสายพันธ์เดลตาด้วย รวมๆ คือถ้าฉีดสองโดสแล้ว ยังเอาอยู่
ประเด็นสำคัญในเอกสารหลุด CDC บอกว่า สงครามกับโควิดกำลังเปลี่ยนไปเพราะข้อมูลนี้ และเราต้องเร่งให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับสายพันธ์เดลตาและให้ประชาชนเข้าใจว่า หากฉีดวัคซีนครบแล้ว (pfizer) จะลดความเสี่ยงในการตายหรือป่วยหนักได้ 10 เท่า และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ 3 เท่า