เรียกได้ว่ายังคงเป็นกระแสดราม่าร้อน ๆ ในโลกออนไลน์ หลังมีการจัดงาน กีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ CU – TU Unity Football Match 2024 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 67 ที่ผ่านมา โดยมีนิสิต นักศึกษาปัจจุบัน ศิษย์เก่าของทั้งสองสถาบันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น แต่แล้วก็กลายเป็นว่างานกีฬาในครั้งนี้กลับมีประเด็นดราม่าเมื่อนักศึกษา “จุฬาฯ” ใช้รถกอล์ฟในการอัญเชิญพระเกี้ยว ที่ปรับเปลี่ยนจากให้นิสิตแบกเสลี่ยงขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว
โดยศิษย์เก่า รวมไปถึงอาจารย์หลายคนมองว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่สมกับที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ รู้สึกน่าอนาถใจ และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
- ญาติคนเจ็บ ไม่พอใจ! เข้าทำร้ายร่างกายกู้ภัย เพราะไปช่วยเหลือช้า
- อ่านแล้วอึ้ง! ด.ช.วัย 11 ปี ติดเชื้อ HIV จากแฟนสาววัย 18 เจ้าตัว ลั่น เต็มใจติดครับ
- ไรเดอร์สุดงง! เจอลูกค้าสั่งถุงยาง ก่อนส่งภาพหวิวพร้อมชวนขึ้นไปดู
ล่าสุดวันนี้ 2 เมษายน 67 เพจเฟซบุ๊ก Chula BAKA ได้ออกมาโพสต์ชี้แจ้งเกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า พระเกี้ยว เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภาคภูมิใจ สืบเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย
โดยขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬา-ธรรมศาสตร์ 2024 ในครั้งนี้ เหล่านิสิตได้ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการคัดสรรสัญลักษณ์ ตัวแทนแห่งองค์ความรู้ของศาสตร์แขนงต่างๆ มารายล้อมในขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว อันประกอบไปด้วย
- เข็มฉีดยาและขวดชมพู่ ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์สุขภาพและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
- หนังสือเล่มหนา ตัวแทนของ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
- ไม้ฉากเรขาคณิต ตัวแทนของ คณิตศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์
- เกียร์ ตัวแทนของ วิศวกรรมศาสตร์
- สเลทฟิล์ม ตัวแทนของ นิเทศศาสตร์
- ดัมเบล ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์การกีฬา
- จานสี ตัวแทนแห่งศาสตร์ศิลปะ
โดยสัญลักษณ์เหล่านี้ที่อยู่รายล้อมพระเกี้ยวกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยรถไฟฟ้า เปรียบเสมือนองค์ความรู้ที่อยู่คู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้พัฒนาวงการต่าง ๆ ในประเทศไทยและในระดับโลก ในทุกยุคสมัย ขณะเดียวกันก็ได้กลับมาโอบอุ้มให้มหาวิทยาลัยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแข็งแรง สอดรับกับพันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย
นอกจากนี้ อีกสิ่งประดับตกแต่งขบวนที่ทุกท่านเห็นได้ก็คือ คือ “อะตอม” ที่สื่อถึงส่วนประกอบเล็กๆ ที่เมื่อรวมกันจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนิสิต บัณฑิต และบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมแรงร่วมใจไปสู่การเป็นสถาบันเสาหลักที่ยั่งยืนของประเทศ
อีกทั้งขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในครั้งนี้ ยังถูกตกแต่งด้วยดอกไม้จากพลาสติกที่ใช้แล้ว นำกลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างสอดคล้องกับแนวคิดของงานนั่นคือ Unity to Sustainability และร้อยเรียงเป็น “พวงดอกกล้วยไม้ที่ผลิบาน” ดั่งโบราณว่า “กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
ทั้งนี้ ทางคณะผู้จัดงาน น้อมรับฟังทุกความคิดเห็น และยินดีนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป