“จุลพันธ์” ยอมรับเลื่อนแจกเงินดิจิทัล ไม่ทันพ.ค. แต่ยังไม่ถึงจุดยุติโครงการ ยันพร้อมฟังความเห็นรอบด้าน ปัดดันทุรัง พร้อมซัด กลับ “ศิริกัญญา” ฝ่ายค้านก็อย่าใช้ ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือทำลายรัฐบาล
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงยอมรับเห็นเอกสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่หลุดออกมาแล้ว และได้ดูเนื้อหาโดยละเอียด ซึ่งถือว่าเขียนได้ชัดเจนและแรงพอสมควร ที่จะคัดค้านการเดินหน้าโครงการนี้ ซึ่งรัฐบาลก็จะรับฟังเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา
แม้ตอนนี้จำยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเอกสารของจริงที่จะส่งให้รัฐบาลหรือเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ติดตามโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทของนางสาวสุภาพ ปิยะจิตติ เท่านั้น เพราะคุณสุภา ก็เป็นคนที่ติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดมาตลอดอยู่แล้ว น่าจะส่งความเห็นนี้ไว้ก่อนเกษียณ จึงต้องรอว่าคณะกรรมการชุดใหญ่ของ ป.ป.ช. จะมีมติส่งความเห็นมาให้รัฐบาลอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลมีหน้าที่รับฟังทุกความเห็น และต้องยอมรับว่า ไม่มีใครเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่อง แต่อยากให้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ตอนที่ได้เห็นถึงหนังสือคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือเป็นคำตอบเชิงกฎหมาย ไม่ห้ามแต่ก็ไม่ได้สั่งการให้เดือนหน้า เพราะไม่ใช่หน้าที่ แต่หากหนังสือของ ป.ป.ช ที่ออกมาเป็นความจริง ก็ชัดเจนว่ามีการวางธง ว่า โครงการนี้เดินหน้าไม่ได้
สะท้อนให้เห็นว่ามีบางกลุ่มบางองค์กร เช่น ป.ป.ช. และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีความเห็นต่าง อาจยังไม่เห็นวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนที่รัฐบาลเห็น จากที่ลงพื้นที่ไปทั่วประเทศ เราไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ รัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐศาสตร์เป็นแค่หนังสือแบบเรียน แต่มองในมิติของความเป็นจริง เป็นชีวิตของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
“วันนี้ถ้าดูกรอบเวลาไม่น่าทันเดือนพฤษภาคม ไม่ทันเดือนพฤษภาคมต้องเรียนด้วยความเคารพ แต่รัฐบาลยืนยันว่าเราจะต้องเดินหน้านโยบาย แจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิตอล wallet ต่อไป แม้จะไม่สามารถยืนยันกรอบเวลาให้ทันเดือนพฤษภาคมได้ เพราะดูจากข้อคิดเห็นที่เป็นหนังสือ ขั้นตอนต่อจากนี้ก็คงต้องรอ ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ส่งหนังสือถึงเราอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นฉบับนี้ฉบับแก้ไขหรือฉบับใดก็ตาม
ก่อนจะเชิญคณะกรรมการนโยบายดิจิตอลมาประชุมพิจารณาความเห็นกฤษฎีกาและปปชไปในคราวเดียวกัน จึงจะเริ่มกระบวนการในการฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อทำความเข้าใจให้กับหน่วยงานและองค์กรใดๆก็ตามที่ยังไม่เห็นถึงเจตนาอันดีที่รัฐบาลพยายามจะทำ จนกว่าทุกฝ่ายจะมีความเห็นตรงกันและเดินหน้าโครงการนี้ได้ในที่สุด”
ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะไม่ทันกรอบงบประมาณไป2567 ยาวไปถึงปี 2568 หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ต้องรอหาเรื่องในที่ประชุมก่อน ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่ายังคงจะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาทหรือจะใช้แหล่งที่มาอื่น ขอให้มีการประชุม กรรมการนโยบายก่อน ซึ่งจะรอจนกว่าจะได้ความเห็นจาก ป.ป.ช. แม้จะต้องรอนานกว่า 1 เดือน และตอนนี้ยังไม่มีตัวเลือกที่จะยุติโครงการหรือล้มโครงการ
เมื่อถามว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นจุดที่ต้องยกเลิกโครงการ แต่จะมีโอกาสไปถึงจุดนั้นใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า “ผมยังไม่เห็นจุดนั้นครับ” ส่วนใครจะเป็นผู้ชี้ขาดว่า จะเดินหน้าหรือยุติโครงการนายจุลพันธ์ ย้ำว่า ต้องรอการพูดคุยกัน
ทั้งนี้ มีแผนสำรองหรือไม่หากโครงการนี้เดือนหน้าไม่ได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ถ้าต้องชะลอโครงการนี้เพื่อต้องทำอีก 99 เรื่อง ให้เราก็จะชะลอ ตอนนี้ฝ่ายการเมืองรวมไปถึงวุฒิสภากำลังมองว่ารัฐบาลดันทุรังเดินหน้าโครงการนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าไม่ใช่การดันทุรัง แต่เรามองเห็นปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงต้องชี้ให้เห็นถึงความจำเป็น ที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้กลับมาแข็งแกร่ง กลับมาอยู่ในระดับศักยภาพของประเทศไทยอีกครั้ง จึงใช้คำว่า ดันทุรังไม่ได้ มันเป็นความตั้งใจที่จะทำเพื่อประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจนถึงที่สุดที่จะเดินหน้าโครงการนี้ตามที่ได้หาเสียงไว้
นายจุลพันธ์ ยังได้โต้แย้ง นางสาวศิริกัญญาตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ที่บอกว่ารัฐบาลจะใช้ความเห็นของป.ป.ชเป็นหลังพิงล้มโครงการ Digital wallet ว่า คณะกรรมการนโยบายดิจิตอล wallet มีหน้าที่รับฟังความเห็นรอบด้าน ไม่ว่าจะอยู่ภาคส่วนใดของสังคม ก็ต้องนำมาปรับให้เกิดความเหมาะสมที่สุดเสียง เสียงฝ่ายค้านเราก็ฟัง จะมาใช้คำว่า ป.ป.ช.เป็นหลังพิงไม่ใช่ แต่เมื่อมีข้อมูลเข้ามาเราก็ต้องรับฟัง และตนก็ไม่อยากให้พรรคฝ่ายค้านใช้ ป.ป.ช.เป็นเครื่องมือในการทำลายรัฐบาล
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง มองเห็นและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร และความพยายามคืออะไร ถึงต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย