จากกรณี อดีตสาวนักการเมืองหายปริศนา พร้อมลูกสาว หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่อ้างว่าเป็นสามีของเธอนั้น ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ แจ้งข่าวคนหาย โดยมีการตั้งเงินรางวัลสำหรับผู้ที่ให้ข้อมูล กว่า 30,000 บาท จนนำไปสู่ การหาตัวภรรยา และลูกสาวเจอ
ก่อนหน้านี้ที่ได้รายงานว่า นางสุพรรณี เชื้อดี หรือ มะเมี่ยว ได้ติดต่อผ่านสื่อมาแล้วว่า ตัวเองและลูกสาวยังมีชีวิตปลอดภัยดี สาเหตุที่หนีออกมาจากบ้านเพราะถูกสามีที่ประกอบอาชีพนักธุรกิจในจังหวัดนครราชสีมา ทำร้ายร่างกาย และต้องการหย่า
ล่าสุด นางสุพรรณี เชื้อดี อดีตว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ พาลูกสาววัย 5 ขวบ เดินทางไปที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รังสิต-นครนายก คลอง 7 ธัญบุรี ปทุมธานี ขอพึ่ง นางปวีณา หงสกุล ให้ความเป็นธรรม พร้อมทั้ง เปิดใจครั้งแรก ถึงสาเหตุที่ต้องหนีออกจากบ้านจนสามี ประกาศตามหาจนเป็นข่าวครึกโครม ซึ่งระหว่างที่เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายช่วงหลายตอนถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้ ด้วยความหวาดกลัว และเป็นห่วงลูกสาว
ก่อนตัดสินใจ หอบลูกหนีสามี
คุณสุพรรณี เล่าว่า ตนเองกับสามีคบหากัน เข้าปีที่ 8 ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ฝ่ายชายมักใช้อารมณ์ โมโหร้าย ด่าทอ และไล่ตนเอง กระทั่งวันเกิดเหตุวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นฟางเส้นสุดท้าย มีกินเลี้ยงที่บ้าน เพราะมีงานทำบุญบ้าน ฝ่ายชายเข้ามาที่บ้านตอน 2 ทุ่มกว่า ตนไม่ทันสังเกตเห็น เพราะดูลูกอยู่ พอเสร็จจากดูลูกเลยไปหาฝ่ายชาย แต่กลับถูกไล่ให้ไปไกลๆ เลย บอกว่า ให้ไปนั่งไกลๆ ตนเลยถอยมา
ตนเองเลยเอาลูกขึ้นไปบนห้องนอน สักพัก ฝ่ายชายก็ตามขึ้นมาและเอามีดคัตเตอร์ถือติดเข้ามาในห้องนอน และเดินวนไปมา ซึ่งตนเองและลูกนั่งอยู่ในห้องแต่งตัว ก่อนที่ฝ่ายชายจะเริ่มกรีดเสื้อผ้าของตนเอง และลูกสาว รวมถึงชุดนักเรียน เพราะฝ่ายชายนอย และ งอนลูกด้วย พูดจาหยาบคายตนเองตกใจ และกลัวมาก ไม่รู้จะโดนกรีดด้วยไหม นั่นทำให้เป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจหนีออกมาในวันรุ่งขึ้น
- เปิดสาเหตุ! สาวนักการเมืองหายปริศนา พร้อมลูกสาว ล่าสุด ปลอดภัยดี
- เพื่อนสาวนักการเมือง ผิดสังเกตุ! หายปริศนาพร้อมลูก ทำไมไม่พกโทรศัพท์
- สาวนักการเมืองหายปริศนา พร้อมลูกสาว สามีตั้งเงินรางวัลออกตามหา
ส่วนก่อนหน้านี่ ก็เคยมีเหตุการณ์เอาปืนมายิง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือ ธันวาคม ปี 66 ตอนนั้น ตนเองเคยทำธุรกิจร้านอาหาร และวันนั้นมีลูกค้าเยอะมาก อาหารออกไม่ทัน ตนเลยเข้าไปในครัว แต่ก็ช้าอยู่ ดี เพราะบิลไม่ออก ฝ่ายชายกลับเดินเข้ามาในครัว และต่อว่าว่า พวกมึงทำอะไรกันอยู่ ตนเลยให้เหตุผลว่า ช้าเพราะบิลไม่ออก อย่าว่ากันเลย ตนเลยถูกฝ่ายชาย เดินมาตบหนู 2 ครั้งแล้วไป ตอนนั้นพนักงานในครัวหมด
จากนั้นตนคิดว่าฝ่ายชายอารมณ์เย็นลงแล้ว จึงเดินตามไปที่ออฟฟิศ ซึ่งมีห้องนอนด้วย ฝ่ายชายบอกว่า ตนมาทำไม และพยายามไล่ตนออกไป แต่ตนไม่ไป ฝ่ายชายเลยเอาปืนออกมา จ่อที่ตัวตนเอง ตนไม่หลบ ฝ่ายชายเลยกดยิงไปที่โซฟา ที่อยู่ใกล้ๆตนเอง ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครเห็นเหตุการณ์มีแต่คนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เลยวิ่งเข้ามา ส่วนตนเองนั้นนิ่งเฉย ฝ่ายชายเลยกระชากตนเองออกมา และเตะเสย
คุณสุพรรณี บอกว่า ตนถูกทำร้ายมาตลอด ตั้งแต่ปี 61 ที่ตนกำลังจะคลอดลูก ก็ถูกเตะ แต่จะมาเยอะมากขึ้นช่วงหลัง ปี 66-67 และหลายเหตุการณ์ หลายครั้งลูกอยู่ด้วย และเห็นเหตุการณ์ อย่างตอนที่ตนอยู่บนรถ ฝ่ายชายก็ตบตน 2 ครั้ง จนแว่นหัก ตอนนั้นลูกกลัว ร้องไห้ ผวา ส่วนอีกเหตุการณ์ปาของใส่ เป็นปารีโมทใส่
เหตุการณ์สะสมมาเรื่อยๆ เลยทำให้ตนเลยตัดสินใจออกจากบ้าน เพราะเจอหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ไหว เลยออกมา โดยวันที่หนี ตนเองคิดว่าไม่ไหวแล้วจึงตัดสินใจว่าทำอย่างไรก็ได้ ให้ออกมาจากตรงนั้น กระทั่งตนมาเห็นออกข่าวเลยตัดสินใจโทรหามูลนิธิฯ เพราะต้องการความช่วยเหลือ
ที่ผ่านมาเวลาเกิดเหตุตนเองไม่เคยไปแจ้งความ มีเพียงการลงบันทึกประจำวัน ปี 2561 ที่ สภ. เมืองนครราชสีมา ขณะที่ตั้งครรภ์ และตนเองก็เพิ่งไปลงบันทึกประจำวันไว้ในวันที่หนีออกมา ที่ สภ. รัตนาธิเบศร์ แล้วเมื่อคืนนี้ก็ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ว่าตนเองไม่ได้หายไปไหน
และที่ไม่ได้แจ้งความเพราะเป็นห่วงลูก แต่สุดท้าย ฝ่ายชายกลับพูดจาหยาบคาย และมักพูดกับลูกสาวว่าแม่มึงไปหาผัวใหม่ พอหนักเข้ารู้สึกว่าลูกเริ่มไม่ปลอดภัย คิดแค่ว่าต้องออกจากที่นี่ ก้าวออกไปโดยที่เค้าไม่ตามเราไป ก่อนบอกว่า ตนมีโทรศัพท์ 2 เครื่อง ก็ยึดไปหมด
เคยตัดสินใจหย่า
ส่วนตัวเคยนัดไปหย่ากันหลายครั้ง เพราะฝ่ายชายบอกว่าเค้าอยากได้ชีวิตอิสระ เค้าเคยขอชีวิตเขาคืน แล้วเคยกลับเท้า อยากเริ่มต้นใหม่อยากมีความสุขบ้าง โดยอยากให้ตนเองออกไปจากชีวิต ตนก็เลยไปรอครึ่งวัน แต่ก็ไม่มา แล้วที่ผ่านมาตนเองก็รับรู้ว่าฝ่ายชายมีผู้หญิงคนอื่นมาตลอด
โดยหลังจากนี้ตนเอง ต้องการที่จะหย่าให้ถูกต้องตามกฏหมาย และจะไม่มีการไปดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกาย แต่จะมีการ ดำเนินคดีเรื่องการเป็นผู้ดูแลบุตรแต่เพียงผู้เดียว เพราะไม่สามารถให้ลูกไปอยู่กับฝ่ายชายได้ เนื่องจากมีพฤติกรรมด้านอารมณ์
ลูกสาว รับรู้เรื่องราวทั้งหมด
ส่วน ลูกสาวเค้ารู้หมดเกิดเหตุอะไร และส่ายหัวไม่อยากกลับ ไม่คิดถึง พร้อมบอกว่า กลับไปก็เป็นเหมือนเดิม ถ้าพ่อมาง้อ ซื้ออะไรมาให้ แม่ไม่ต้องไปนะ