"จุฑาธิป มณีพันธุ์" : นักปั่นอาชีพเลือดไทยในลีกอิตาลีและภารกิจลุยโอลิมปิกสมัยที่ 3

Home » "จุฑาธิป มณีพันธุ์" : นักปั่นอาชีพเลือดไทยในลีกอิตาลีและภารกิจลุยโอลิมปิกสมัยที่ 3

“ความฝันในวัยเด็ก” คือสิ่งมีค่าสำหรับใครหลายคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรักษามันไว้ ผู้คนจำนวนมากละทิ้งเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ในวัยเยาว์ แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงที่คุณกำลังจะได้อ่านเรื่องราวของเธอ

ซีรีส์ “กว่าจะได้ไปโตเกียว” วันนี้จะมาเล่าการเดินทางของ “บีซ-จุฑาธิป มณีพันธุ์” นักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ และซีเกมส์ มาครองหลายสมัย จึงเหลือเพียงความฝันเดียวที่ยังไปไม่ถึง คือ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์

ร้อยโท จุฑาธิป มณีพันธุ์ เกิดวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด เธอเป็นคนชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเธอจะเล่นกีฬามากมายหลายชนิด

จุฑาธิป เริ่มรู้จักกีฬาจักรยาน เมื่อเข้าสู่ชั้นประถมศึกษา 6 จากคำเชิญชวนของคุณพ่อศุภกิจ มณีพันธุ์ ที่ต้องการให้ลูกสาวลองทดสอบฝีมือในงานฉลองประเพณีสงกรานต์ จังหวัดร้อยเอ็ด

เธอหอบหิ้วจักรยานลงแข่งขันโดยไร้ประสบการณ์ แต่ จุฑาธิป ก็ทำเซอร์ไพรส์ฮึดแซงในโค้งสุดท้าย พลิกจากนักแข่งรั้งท้ายสู่แชมป์ในการแข่งขันจักรยานประเภทลู่รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี

นับตั้งแต่นั้น จุฑาธิป เอาจริงเอาจังกับการแข่งขันจักรยาน มีความฝันที่จะไปให้นักกีฬาทีมชาติไทย และอยากคว้าเหรียญทองโอลิมปิกและเอเชียนเกมส์ให้ได้  เธอจึงจากบ้านเกิดเพื่อมาใช้ชีวิตเพียงลำพังที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร

แม้จะเหงาและโดดเดี่ยว ถึงกับร้องไห้อยากกลับบ้านทุกวันในช่วงแรก แต่ด้วยคำพูดของคุณพ่อศุภกิจ มณีพันธ์ ทำให้ จุฑาธิป มีแรงกลับมามุ่งมั่นกลับความฝันของเธออีกครั้ง จนกลายเป็นนักแข่งจักรยานสายสปรินท์ระยะสั้น หรือ ระยะ 500 เมตร ที่กวาดรางวัลทั่วประเทศไทย

1

จุฑาธิป จึงถูกเรียกติดทีมชาติไทยรุ่นเล็ก สมใจหวังตั้งแต่อายุ 17 ปี ก่อนโชว์ฟอร์มคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันจักรยานเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์แรกที่เธอลงสนามในนามนักกีฬาจากทีมธงไตรรงค์

ปี 2007 จุฑาธิป ขยับขึ้นสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพื่อลงแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ที่จังหวัดนครราชสีมา และประเดิมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกด้วยการคว้า 3 เหรียญเงินจากการแข่งขันจักรยานประเภทลู่ เธอจึงกลายเป็นดาวรุ่งน่าจับตาของวงการนักปั่นไทย โดยไม่รู้เลยว่า เส้นทางความฝันของเธอจะเจอกลับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในอีกสองปีข้างหน้า

เมื่อจุฑาธิปที่อยู่กับกีฬาจักรยานประเภทลู่ตลอดทั้งชีวิต ต้องเปลี่ยนไปแข่งจักรยานประเภทถนน ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ 2009 ที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เนื่องจากเจ้าภาพไม่มีสนามพร้อมจัดแข่ง 

จุฑาธิป ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เธอฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมกับการแข่งขัน ก่อนได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า จากการคว้าเหรียญทองจักรยานประเภทถนน รุ่นแมสสตาร์ท

นับจากวันนั้น จุฑาธิปเปลี่ยนบทบาทจากนักจักรยานประเภทลู่ สู่นักปั่นประเภทถนนแบบเต็มตัว พร้อมกับก้าวสู่เป้าหมายต่อไป คือการคว้าตั๋วลุยโอลิมปิก เกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

2

จุฑาธิป ประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ โดยไม่รู้เลยว่ากำลังเจอบททดสอบครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ประสบการณ์ครั้งแรกในโอลิมปิกของเธอกลับเป็นฝันร้าย เธอถูกบังคับให้ออกจากการแข่งขัน เนื่องจากอยู่ในกลุ่มรั้งท้าย และมีเวลาห่างจากกลุ่มผู้นำมากเกินไป 

หลังจากนั้นไม่นาน จุฑาธิป โชคร้ายประสบอุบัติเหตุขณะฝึกซ้อมบนถนนใหญ่ เนื่องจากมีรถกระบะขับสวนเลนมา เธอได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ต้องเข้ารับการผ่าตัด และพักการแข่งขันนานกว่าสองเดือน ส่งผลให้พลาดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ปี 2013 และหมดโอกาสไปปั่นจักรยานในลีกอาชีพที่อิตาลี ทั้งที่มีการทาบทามตัวไว้แล้ว 

ความฝันคือเหตุผลเดียวที่ทำให้ จุฑาธิป ไม่ยอมแพ้ เธอกลับสู่ถนนด้วยความมุ่งมั่น และเดินทางไปเก็บประสบการณ์ที่อิตาลี ก่อนลงแข่งขันมหกรรมกีฬาเอเชียน เกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้

จุฑาธิป บรรลุความฝันของเธอที่ดินแดนโสมขาว จากการคว้าสองเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาจักรยานประเภทลู่ และประเภทถนน นับเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตนักกีฬาของเธอ พ่วงการได้ไปค้าน่อง ปั่นจักรยานในลีกอาชีพอิตาลีได้สำเร็จ 

3

ความฝันสุดท้ายที่จุฑาธิปยังก้าวไปไม่ถึง คือการคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิก เกมส์ หลังลงแข่งขันมาแล้ว 2 ครั้ง ในลอนดอน เกมส์ ปี 2012 และริโอเดจาเนโร เกมส์ ปี 2016 แต่พลาดเหรียญรางวัลทั้งสองครั้ง

จุฑาธิปพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอตั้งใจกับความฝันนี้แค่ไหน ด้วยการเป็นนักกีฬาจักรยานทีมชาติคนแรกที่คว้าตั๋วลุยโอลิมปิกสามครั้ง หลังเธอเก็บคะแนนสะสมโอลิมปิก แรงกิง ติดอันดับ 30 ของโลก ซึ่งตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

โตเกียว เกมส์ 2020 จึงเป็นการแข่งขันครั้งสำคัญของจุฑาธิป ที่จะบรรลุความฝันครั้งใหญ่ของตัวเองได้หรือไม่? 

แม้ดูเป็นความฝันที่ไกลเกินตัว แต่หากมองย้อนกลับไปจากจุดสตาร์ทในวันแรกที่เธอวาดฝันกับความพยายามที่ทำมาตลอดหลายสิบปีจนมาถึงวันนี้ เธอก็มาได้ไกลเหลือเกินด้วยหัวใจนักสู้ที่แน่วแน่

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ