สว.ถล่มนายกฯ ทำกระบวนการยุติธรรมไม่ตรงปก แซะ “ทักษิณ” ป่วย 4 โรค ต้มคนไทยจนเปื่อย คงต้องรอกฎหมายเช็คบิลย้อนหลัง กฎแห่งกรรมเล่นงาน!
การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 แบบไม่ลงมติ โดยในช่วงของการอภิปรายถึงกระบวนการยุติธรรมมี สว. หลายคนออกมาอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดย นายสมชาย แสวงการ สว. อภิปรายว่า วันนี้กระบวนการยุติธรรมประเทศกำลังเสื่อม ขาดความยุติธรรมถึงที่สุด นายกฯ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่ปล่อยให้เกิดกระบวนยุติธรรม 2 มาตรฐาน บางคนเรียกไร้มาตรฐาน ที่ผ่านมาได้พบระดับอดีตผู้บริหารศาลหลายคน ทุกคนฝากให้แก้ไขกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำ ที่แม้ศาลจะตัดสินอย่างไร ก็มีกระบวนการลดโทษจากกรมราชทัณฑ์ที่บังคับใช้ไม่เท่าเทียมกับนักโทษทุกคน โดยเฉพาะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดูแล้วไม่ใช่ความผิดนายทักษิณ แต่ปัญหา คือ ระบบการบังคับโทษ นายทักษิณได้ไปอยู่โรงพยาลตำรวจห้องวีวีไอพี อ้างว่า ป่วย 4 โรค ก็ขัดกับภาพที่นายทักษิณเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เดิน ลุกนั่ง ปลูกต้นไม้ ใช้มือขวาโหนรถกอล์ฟ ขึ้นบันไดบันไดดอยสุเทพ ได้ตามปกติ ดูแข็งแรงดี
นายสมชาย กล่าวว่า ยิ่งไปดูกฎกระทรวงที่มีการแก้ไข มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องสถานที่คุมขัง และอายุ จากเดิมระบุต้องได้รับโทษมา 1 ใน 3 และอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว มีการแก้ไขจากคำว่า “และ” เป็น “หรือ” ทำให้คนอายุ 70 ปี ไม่ว่าจะโกงชาติบ้านเมืองหรือไม่ สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เรื่องนี้สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง วันใดเกิดวิกฤติศรัทธราจะนำมาซึ่งสึนามิ แก้ไขยาก ขอเสนอให้ดำเนินคคีกรณีนี้ 3 ทางคือ
1.ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดหลักนิติธรรม เป็นที่สงสัยขัดกับการอภัยลดโทษหรือไม่ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง มีคำสั่งให้นายทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทักษิณได้รับการรับโทษแล้ว 2.ร้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่งการให้นายทักษิณเข้ารับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจและคำสั่งพักโทษ เป็นคำสั่งมิชอบ 3.การร้องต่อต่อ ป.ป.ช. เอาผิดนายกฯ รมว.ยุตะรรม และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
ด้าน นายถวิล เปลี่ยนศรี (สว.) อภิปรายในประเด็นปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ตอนหนึ่งว่า คำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในด้านกระบวนการยุติธรรม ตนขีดเส้นใต้ โดยเฉพาะที่ระบุว่า “เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นยอมรับของนานาประเทศ” เป็นคำแถลงที่สวยหรู ดูดีมาก แต่รัฐบาลนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม และหลักนิติธรรมของประเทศเป็นอย่างมาก ในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ไม่เป็นไปตามที่แถลงไว้
ที่เด่นชัดสุด คือ กรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีไปหลายปี แล้วกลับมารับโทษ ตนยืนยันว่า เป็นเรื่องที่กระทบต่อนโยบายความยุติธรรมของคนทั้งประเทศ ทุกคนมีส่วนได้เสีย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ที่อดีตนายกฯ กลับมารับโทษตามกฎหมาย เป็นเรื่องดี แต่ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบมาบนประเทศไทย เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับประเทศ ทั้งการได้รับสิทธิพิเศษ การต้อนรับที่ดี ตั้งแต่ลงมาจากเครื่องบิน จนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยไม่ชัดเจน ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ รมว.ยุติธรรม ยืนยันเสียงแข็งว่า ทำถูกต้องชอบธรรมครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้ กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ตรงปก ไม่ตรงไปตรงมา มันมีผลกระทบต่อสังคม คือ 1.ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมเพิ่มขึ้น 2.ส่งผลกระทบต่อค่านิยมของบ้านเมือง 3.ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ ความยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองไปหมดสิ้น 4.ทำลายระบบราชการ ทำลายกระบวนการยุติธรรมเสียหายย่อยยับ และ 5.การที่อดีตนายกฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ อภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี แต่ในโทษ1ปีได้ถูกกระบวนการบริหารโทษทำปู้ยี่ปู้ยำ ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ฉ้อฉลเสียหาย ตนอด นึกไม่ได้ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้คำนึงถึงพระเกียรติยศ คำนึงถึงพระเมตตาของพระองค์ท่านหรือไม่
ดังนั้น สักวันหนึ่งคงต้องรอกฎหมายตามเช็คบิลการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และคงไม่ช้าเกินรอกฎแห่งกรรมจะได้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง มอบคุณมอบโทษให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตามวิบากกรรมการกระทำของทุกคน
- วิเคราะห์ “ทักษิณ” ได้กลับบ้าน ผ่านดีล 6 เดือนกับศัตรู เพื่อไทยขวาง “ก้าวไกล” ตั้งรัฐบาล
- ร้านข้าวซอยดังเชียงใหม่ ปลื้ม “ทักษิณ” จองโต๊ะในรอบ 17 ปี เผยเมนูที่สั่งทุกครั้ง!