จีนเซ็นเซอร์ออนไลน์ หลังชาวเน็ตฮึ่ม ปักกิ่งอาจคง “โควิดเป็นศูนย์” อีก 5 ปี
วันที่ 28 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าหน้าที่เซ็นเซอร์ของจีนพยายามลบสิ่งที่ดูจะเป็นคำพูดที่เข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เผยแพร่ในสื่อทางการจีน เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิ.ย. ซึ่งอ้างว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์จะคงในกรุงปักกิ่ง 5 ปีข้างหน้า อันเป็นความพยายามควบคุมกระแสการตีกลับในโลกออนไลน์
เป่ย์จิ่ง เดลี หนังสือพิมพ์พรรคคอมมิวนิสต์อย่างเป็นทางการ สำหรับเมืองหลวงของจีน รายงานก่อนหน้านี้ว่า นายไค ฉี หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ของกรุงปักกิ่ง กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า “5 ปีข้างหน้า ปักกิ่งจะใช้มาตรการควบคุมการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อย่างเด็ดขาด และคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เพื่อป้องกันการนำเข้าเชื้อจากคนนอกพื้นที่ และป้องกันการติดเชื้อภายในเมืองหลวงฟื้นตัว
ถ้อยแถลงที่อ้างอิงถึง “5 ปีข้างหน้า” โดยนายไค ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จุดกระแสการตีกลับขนานใหญ่บนสื่อสังคมออนไลน์จีน ขณะที่เป่ย์จิง เดลี ดำเนินการลบข้อความดังกล่าว โดยระบุเป็นการแก้ไขความผิดพลาด แต่ยังคงถ้อยแถลงอื่นๆ ของนายไคเกี่ยวกับการควบคุมโรคระบาดเหมือนเดิม
ซีเอ็นเอ็นตรวจสอบถ้อยแถลงทั้งหมดและพบว่า นายไคหารือถึง “ความเป็นไปได้” ในการคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในกรุงปักกิ่งในช่วง 5 ปีข้างหน้า ส่วนถ้อยแถลงของนายไคที่มีการเผยแพร่จากเป่ย์จิง เดลี่เป็นข้อความที่เข้าใจผิด
สื่อทางการอ้างถ้อยแถลงของนายไคว่า การควบคุมการระบาดใหญ่ที่จะคงมีผลบังคับใช้ ได้แก่ การตรวจด้วยวิธีการพีซีอาร์ (PCR) ตามปกติ กฎการเข้าเมืองหลวงที่เข้มงวด การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอในย่านที่อยู่อาศัยและสถานที่สาธารณะ ตลอดจนการเฝ้าระวังและการตรวจอย่างเข้มงวดสำหรับผู้เข้าและออกกรุงปักกิ่ง
ผู้ใช้ส่วนหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์จีนอย่าง เว่ยป๋อ เขียนว่า “ฉันต้องคิดใหม่ว่าฉันควรยังอยู่ในกรุงปักกิ่งในระยะยาวหรือไม่” อีกคนเขียนว่า “5 ปีข้างหน้า…อะไรคือจุดสำคัญของการยังมีชีวิตอยู่” ขณะที่เว่ยป๋อแบนแฮชแทก “5 ปีข้างหน้า” ออกจากแพลตฟอร์ม
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนพ.ค. ประธานาธิบดีสีเพิ่มความพยายามต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ในการประชุมของคณะกรรมการกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ของพรรคคอมมิวนิสต์ องค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของจีน โดยสั่งเจ้าหน้าที่และทุกภาคส่วนของสังคมยึดมั่น “การตัดสินและแผน” ของผู้นำ
เป็นเวลาหลายเดือนที่เมืองต่างๆ ทั่วจีน รวมถึงกรุงปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ ถูกล็อกดาวน์ทั้งหมดหรือบางส่วน เนื่องจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวด ทำลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อตลาดงาน อัตราการว่างงานสำหรับผู้มีอายุระหว่าง 16-24 ปี แตะร้อยละ 18.4 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในเดือนพฤษภาคม
จีนยังปิดชุมชนและเมืองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีผู้ป่วยโควิดเพียงไม่กี่คน ผู้มีผลการตรวจเป็นบวกและผู้ติดต่อใกล้ชิดทั้งหมดจะถูกส่งไปสถานที่กักตัวของรัฐบาล แต่มีสัญญาณว่าจีนกำลังผ่อนคลายนโยบายกักกันสำหรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
เมื่อวันอังคาร คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนประกาศว่า ผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในจีนจะต้องกักตัวแบบรวมศูนย์ 7 วัน ตามด้วยการตรวจสุขภาพที่บ้าน 3 วัน ลดลงจากเดิมที่กำหนกการกักตัวแบบรวมศูนย์ 14 วัน และการเฝ้าระวังที่บ้าน 7 วัน โดยมาตรฐานการกักตัวใหม่นี้จะใช้กับผู้ติดต่อใกล้ชิดของผู้ติดเชื้อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปักกิ่งผงะ “คลัสเตอร์บาร์” ทำติดเชื้อกระฉูด-ทางการหวนคุมเข้ม