จากกรณี “จิมมี่” พิฆเนศ สุขหยิก​ นักกีฬาคิกบ๊อกซิ่งทีมชาติไทย ที่เปิดตัวเป็น LGBTQ+ หรือเพศทางเลือก ด้วยการแสดงความดีใจเผยตัวตนหลังเอาชนะ ชิ​ ธาน บุย​ ดวย นักกีฬาทีมชาติเวียดนาม ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่​ 32 ที่กรุงพนมเปญ​ ประเทศกัมพูชา​ เมื่อวันที่​ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา​ จนกลายเป็นคลิปที่เป็นกระแสในโลกโซเชียล มีผู้คนเข้ามาชื่นชมเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด จิมมี่​ พิฆเนศ​ เผยว่า​ หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันวันดังกล่าวที่จิมมี่เอาชนะคู่แข่งเวียดนามแล้วผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ ทางผู้ฝึกสอนของจิมมี่ได้บอกว่า ทางสหพันธ์กีฬาคิกบ๊อกซิ่งแห่งเอเชียได้มาแจ้งเตือนว่า อย่าแสดงอาการหรือท่าทางแบบนั้นบนเวทีอีก มันดูเป็นการไม่ให้ความเคารพคู่แข่ง และทางสหพันธ์ฯ กำลังทำการประชุมกันว่าควรจะตัดสิทธิ์จิมมี่ออกจากการแข่งขันหรือไม่ จิมมี่อาจจะไม่ได้ลงทำการแข่งขันต่อในรอบรองชนะเลิศวันถัดไป

จิมมี่​ เผยต่อว่า “พอได้ยินแบบนั้นรู้สึกกลัวขึ้นมาเลยว่าจะได้แข่งต่อมั้ย หรือต่อให้ลงไปแข่งแล้วจะต่อยได้คะแนนมั้ย เพราะก่อนหน้านี้ก็เพิ่งโดนทางสหพันธ์คิกบ็อกซิ่งเอเชียตัดสิทธิ์ไม่ให้ “โค้ชฌองเปียง” โค้ชชาวฝรั่งเศสที่ซ้อมให้หนูมาเป็นเวลากว่า 3 เดือนเข้าร่วมซีเกมส์ครั้งนี้ พอเขาแจ้งมาแบบนี้ ทางผู้ใหญ่ของสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทยจึงบินด่วนจากไทยมายังสนามที่กัมพูชาในเช้าวันถัดมาเลย เพราะโปรแกรมหนูจะแข่งรอบรองฯ ในช่วงบ่ายของวันนั้น โดยทางสมาคม ได้แจ้งกับสหพันธ์ไปว่าหนูไม่ได้มีเจตนาจะไม่ให้เกียรติใคร​ ซึ่งหนูก็ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ หนูแค่เป็นตัวของหนู​ และหนูก็ยังเข้าไปทำความเคารพและกอดนักกีฬาคู่แข่งอยู่เลย

“ทั้งนี้ทางสมาคมก็แจ้งสหพันธ์ไปว่าหากไม่ให้หนูแข่ง นักกีฬาไทยก็จะไม่ลงแข่งทั้งหมดเลย สุดท้ายสหพันธ์เขาจึงตัดสินให้หนูแข่งต่อ​ แต่ต้องเซ็นเอกสารยืนยันว่าจะไม่โชว์การแสดงใดๆ บนเวทีอีก ซึ่งหนูก็ต้องยอมเซ็นให้จบเรื่องไม่งั้นหนูไม่ได้แข่ง โดยสหพันธ์เขามาแจ้งว่าที่ต้องมีประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะทางทีมคู่แข่งเวียดนามของหนูในแมตช์รอบคัดเลือกนั้น แจ้งความไม่พอใจเข้ามา แต่พอหนูไปถามทั้งโค้ชและนักกีฬา​เวียดนาม พวกเขากลับเฟรนด์ลี่กับหนูมาก เขาบอกว่าไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับการแสดงของหนูเลย แถมยังชมในฝีมือหนูด้วยอีกต่างหาก หนูเลยงงว่าใครที่ไม่พูดความจริงกันแน่”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น​ทาง จิมมี่​ กล่าวถึงความรู้สึกว่า​ เครียดมากๆ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครไม่พอใจอะไร แต่กลับเป็นเรื่องขึ้นมาแล้วจะไม่ให้แข่ง และพอแข่งรอบรองวันนั้นที่แพ้ ก็รู้สึกได้เลยว่าวิธีการให้คะแนนมันผิดเพี้ยนมากๆ ฝั่งคู่แข่งอินโดเขาใช้วิธีที่รุนแรงใส่เรามากๆ แต่กลับไม่โดนเตือนอะไรเลย แต่กลับเป็นตนที่โดนกรรมการเตือนตลอด

“หนูไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้แสดงความเป็นตัวเอง ได้สโลว์โมเทิร์นบนเวทีอย่างที่หลายๆ คนคาดหวังจะได้เห็นจากหนูยามที่ลงทำการแข่งขันได้อีกมั้ย เพราะถ้าจิมมี่ทำจะโดนปรับแพ้ทันที ความรู้สึกหนูแย่ไปเลยพอเกิดแบบนี้ แต่ตอนนี้จากที่ทางผู้ใหญ่แจ้งมาว่าทางสมาคมกำลังประสานร่วมงานกับทางสหพันธ์กีฬาคิกบ็อกซิ่งโลกโดยตรงและออกจากสหพันธ์เอเชียแล้ว หลังจากที่เราโดนเขากระทำไม่ดีในหลายๆ เหตุการณ์​ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ “หนูก็จะไปโชว์สโลว์โมเทิร์น อิน ดิ​ เวิลด์ เลยค่ะ”” จิมมี่​ กล่าวทิ้งท้าย