"จาตุรนต์" ชี้ลงมติห้ามโหวต "พิธา" ซ้ำ สร้างบรรทัดฐานผิด ขอให้ตั้งสติอย่าฝืนใจ ปชช.

Home » "จาตุรนต์" ชี้ลงมติห้ามโหวต "พิธา" ซ้ำ สร้างบรรทัดฐานผิด ขอให้ตั้งสติอย่าฝืนใจ ปชช.
"จาตุรนต์" ชี้ลงมติห้ามโหวต "พิธา" ซ้ำ สร้างบรรทัดฐานผิด ขอให้ตั้งสติอย่าฝืนใจ ปชช.

“จาตุรนต์” ชี้สภาฯ ลงมติห้ามโหวต “พิธา” ซ้ำ สร้างบรรทัดฐานผิด หวั่นปัญหาลามวุ่นวาย ผวาถึง “นายกคนนอก” หวังว่าหลายฝ่ายจะตั้งสติ ไม่ฝืนความรู้สึกประชาชน

วันที่ 19 ก.ค.66 เวลา 17.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่โหวต ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2

นายจาตุรนต์กล่าวว่า ถ้ามีการตีความว่าสิ่งที่เสนอแล้วไม่สามารถเสนอใหม่ได้ เราอาจจะถึงจุดที่หานายกรัฐมนตรีไม่ได้ อย่างน้อย 1 สมัยประชุม ซึ่งถ้าพูดแบบนี้จะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญบอกว่าให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือกนายกฯ จากคนที่มีคุณสมบัติอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าที่ไปลงมติกันอย่างนี้ เป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิด และคนมองว่าไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แต่เราคงไม่ถึงขั้นส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญขนาดนั้น ยังคิดว่ารัฐสภาจะต้องตัดสินใจอะไรกันเอง

“การที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแบบนี้ถ้าทำกันบ่อยๆ หรือทำไปแล้ว ไม่ว่ากี่ครั้งมันจะเป็นผลเสียต่อบ้านเมือง ทั้งนี้เท่ากับเป็นการยืนยันว่าเสียงข้างมากในรัฐสภา ที่องค์ประกอบส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ได้ลงมติขัดต่อรัฐธรรมนูญ และหักล้างเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ และอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเมืองในอนาคต” นายจาตุรนต์กล่าว

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการโหวตเพื่อลงมติครั้งนี้จะเป็นกับดักให้พรรคเพื่อไทยคิดหนักในการโหวตครั้งหน้า นายจาตุรนต์ กล่าวว่า จะเป็นปัญหาของเพื่อไทยที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตในครั้งต่อไป หากเสนอแล้วไม่ได้รับความเห็นชอบเสียงไม่พอก็จะเสนออีกไม่ได้ และก็จะไหลไปพรรคที่ไม่เห็นด้วย และไม่เสนอชื่อใครแข่ง หรือไหลไปคนนอกก็ยังได้เลย ซึ่งตรงนี้ไม่เป็นผลดี และอาจจะทำให้ท้ายสถานการณ์ถูกบีบ ถ้าคุณรวมเสียงไม่ได้จริงอาจไม่ได้ความเห็นชอบ และต่อจากนี้ไปอาจมีปัญหาวุ่นวายขึ้นมาอีก เช่นมีการเสนอชื่อคนที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน หรือเสนอบุคคลภายนอกสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

เมื่อถามว่า จะส่งผลให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนสูตรการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนให้ความเห็นไม่ถูก อันนี้ต้องให้หัวหน้าพรรคหรือแกนนำพรรคที่กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้ เมื่อถามว่า จะมีการหารือกันอีกเมื่อไหร่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า แกนนำผู้ที่ทำหน้าที่เจรจาจะต้องไปคุยกันทั้ง 8 พรรค

เมื่อถามว่า คราวหน้าจะเห็นพรรคที่ 9 ที่ 10 เข้ามาร่วมด้วยหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันอย่างนั้น เดิมมีการพูดกันทำนองว่าถ้าครั้งนี้โหวตแล้วไม่ผ่าน ก็ต้องดูว่าพรรคก้าวไกลจะเสนอให้เปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ เป็นพรรคเพื่อไทยหรือไม่ วันนี้ไม่มีลงมติจึงกลายเป็นว่าเสนอนายพิธาอีกไม่ได้แล้ว ฉะนั้นการหารือก็คงรวบรัดเข้าไปสู่การเสนอแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เรื่องแบบนี้เท่าที่หารือกันคงต้องฟังความเห็นพรรคก้าวไกล และอีก 6 พรรคที่เหลือ

ส่วนมองว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะพุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ยังไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งผลการลงมติในวันนี้ก็เห็นอยู่แล้วว่าใครบ้างที่ลงมติ ใช้ข้อบังคับที่ 41 ไปล้มการโหวตนายกฯ ก็เห็นว่าเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน รวมถึงเสียงจาก สว.

เมื่อถามว่า ในการโหวตรอบหน้ายังกังวลเสียงของ สว. หรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า การตัดสินใจของ สว. ที่ผ่านมาดูเหมือนไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ แน่นอนว่าเราหวังอะไรจาก สว. ยากมาก เว้นแต่ว่าเขาจะเกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นมากระทันหัน ซึ่งฝ่ายที่จะต้องเป็นผู้ประสานงานการจัดการรัฐบาลจะต้องไปคิด

เมื่อถามว่า มองสถานการณ์การเมืองจากนี้จะเป็นอย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้ประชาชนผิดหวัง ถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศ หวังว่าหลายฝ่ายจะตั้งสติและช่วยกันคิดหาทางทำอย่างไรไม่ฝืนความรู้สึกประชาชน

 

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ