รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีดรามา แม่ค้าปูนา ติดป้ายทวงหนี้ “จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม” ตลกดัง หลังทำของให้ตลกรายนี้ไปขาย แต่กลับไม่เคยได้เงิน ติดตามทวงเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ จนต้องไปติดป้ายทวงเงินกลางห้างดัง แต่ทางฝ่ายตลกดังกลับไปแจ้งความกลับเจ้าหนี้
แม่ปูนา เจ้าของแผ่นป้ายไวนิลทวงหนี้ เปิดใจว่า ตกลงทำสินค้าให้จั๊กกะบุ๋ม คือ ปูนาดอง ขายราคาทุน 80 บาท อ่องมันปู ราคา 100 บาท ส่งให้เขาขาย 2 รูปแบบ แบบแรกให้เขาตีแบรนด์ขาย อีกแบบคือให้เขาไลฟ์ขายให้แม่ปูนา แต่ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แม่ปูนาบอกว่าไม่เคยได้เงินจากเขาสักบาท
เราผลิตส่งให้เขา เขาไม่ตัดยอดคืนเลย เราลงบัญชีทบยอดไว้จนมันทะลุเป็นสองแสน พยายามทวง พยายามบอกให้เขาลำดับความสำคัญ เรารู้ว่าเขาลำบาก มีหนี้ต้องจ่าย แต่เขาก็ควรจะหักเงินมาคืนเราให้เราไปต่อทุน ทำของส่งให้เขา
จนมาถึงเหตุการณ์ที่เขาจะไปออกบูท ที่ห้างเวสต์เกต ในงานของพ่อหม่ำ เขาบอกว่าเขาจะไปออกงานนี้ จะขายของได้แน่ จะมีเงินมาใช้เราแล้ว ขอให้เราทำของส่งให้เขาหน่อย นัดจ่ายเงินวันที่ 24 มีนาคม แต่จนถึง 26 มีนา เขาก็ยังไม่จ่าย เราทวงแล้วทวงอีก เขาก็บ่ายเบี่ยง
จนวันที่เขาไปออกบูท เราไปซื้อเก้าอี้ มานั่งดูเขาขายของ ยากรู้ว่าเขาขายได้จริงไหม พอมาถึงพบว่าเขาขายได้ ช่วงที่แม่ปูนาดูอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมง เขาขายได้ยอดประมาณ 10,000 กว่าบาท เราก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ เราขอทุน เพื่อจะเอาไปทำของ แล้วพรุ่งนี้เช้าจะเอามาส่งให้เขาขายตรงนี้ เขาตอบว่าผมไม่มีให้ แม่กลับไปก่อน ถ้ามีเงินเหลือเดี๋ยวค่อยให้ ซึ่งแม่ก็ไม่เชื่อเขา ก็ทวงเขา เขาก็ตอบมา 4 ครั้งว่า ไม่มี ไม่ให้ ไล่ตนกลับไป ถ้าผมมีเดี๋ยวผมจะให้เอง ระหว่างที่ตนเดินทางกลับ เขาก็พิมพ์ข้อความมาหาว่า ตนไปคุกคาม ไปปั่นป่วน เค้นเพื่อจะเอาหนี้เขา เขาไม่โอเค ตนก็คิดว่าเขาน่าจะมีเจตนาไม่จ่ายเงินคืนเราแล้ว
แม่ปูนาไปปรึกษาหม่ำจ๊กมก เจ้าของงาน ขอให้เขาไปคุยกับจั๊กกะบุ๋ม ไปขอความช่วยเหลือแบบนี้ แต่ทางพี่หม่ำบอกว่า แบบนี้มันฉ้อโกง ต้องไปแจ้งความแล้ว เราคิดว่าเราไม่มีปัญญาไปจ้างทนาย ไม่มีเงินไปสู้คดี ก็เลยตัดสินใจไปทำป้ายมาชู เงินค่าป้ายแค่ 800 บาท ยังไม่มีจ่ายเขา ตอนนี้ครอบครัวเดือดร้อนแสนสาหัส หลานอยากกินขนมยังไม่มีปัญญาจะไปหาซื้อมาให้ อยากจะทำของขาย ก็ไม่มีเงินไปจ่ายค่าบรรจุภัณฑ์ เพราะยอดเงิน 2 แสนบาทนี้มันคือลมหายใจของคนในครอบครัว
ขณะที่ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม บอกว่าดีใจที่ได้มีโอกาสได้พูดในมุมของตัวเอง จุดเปลี่ยนในชีวิตคือการทำธุรกิจกับเพื่อน แล้ววันดีคืนดีถูกเพื่อนหักหลัง กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวในชั่วพริบตา ตนไม่มีเงินเลย โพสต์เฟซบุ๊กตัดพ้อชีวิตมาตลอด ระหว่างที่ไม่มีเงิน ตนก็ไปออกบูทขายปลาร้าทอด จนได้ไปเจอแม่ปูนา ตอนที่ไปออกบูทข้างกันที่ห้างแห่งหนึ่ง
ตอนนั้นแม่ปูนาผลิตปูนาดองน้ำปลา กับอ่องมันปูให้พ่อเป็ด เชิญยิ้มอยู่ ตอนนั้นตนก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตนขายปลาร้าทอดก็ยังเลี้ยงตัวได้อยู่ จนกระทั่งแม่ปูนาทักมาทางเฟซบุ๊ก มาเสนอ อ่องมันปู/ปูนาดอง โดยแม่เสนอจะออกทุนให้ก่อน ตนต้องไปออกบูทที่อยุธยา เขาก็ส่งของมาให้เราขายครั้งนั้นครั้งแรก
ไปขายครั้งแรกขายไม่ออก ของเหลือเยอะมาก ปลาร้าทอดขายออกหมดแล้ว เหลือของของแม่ปูนาที่ต้องหาหนทางขาย ทำยังไงถึงจะขายให้ได้ ระหว่างที่คุยกับเขา เราบอกเขามาตลอดว่าเรามีหนี้รายวันที่ต้องส่ง เราขายของไม่ได้แปลว่าจะเอาเงินมาให้เขาได้หมด เพราะต้องส่งหนี้ วันละ 4 หมื่นบาท ในตอนนั้นที่คุยกัน แม่ปูนาบอกว่า รับรู้เรื่องนี้ และบอกให้เราไปขายก่อน เอาเงินไปส่งหนี้ก่อน แล้วยอดแม่จะจดเอาไว้ ค่อยมาเคลียร์กันที่หลัง
แต่แม่ปูนาโต้ในประเด็นนี้ว่าไม่จริง ไม่เคยบอกว่าให้ไปเคลียร์หนี้ก่อน แม่มีหลักฐานเป็นแชตทั้งหมด จั๊กกะบุ๋มบอกต่อไปว่า เราเข้าใจว่าแม่ปูนาเข้ามาช่วย เมตตาเรา เดือนธันวาคมเราถูกอายัดบัญชี ไม่มีเงินติดตัวสักบาท ถึงขั้นบากหน้าไปขอยืมเงินแม่ปูนาอีก 1 หมื่นบาท ซึ่งแม่ปูนาก็เมตตาให้เรายืม
แต่หนุ่ม กรรชัย ถามว่า สิ่งที่จั๊กกะบุ๋มเล่ามาทั้งหมด มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในมุมของจั๊กกะบุ๋ม ว่าเป็นหนี้ ต้องส่งรายวัน แต่ถามว่าถ้าหาเงินมาได้ต้องเอาไปจ่ายรายวันอย่างเดียว แล้วทำไมถึงไม่จ่ายคืนเขาบ้าง ในเมื่อแม่ปูนาก็เป็นเจ้าหนี้เหมือนกัน
จั๊กกะบุ๋มบอกว่า เรื่องนี้ถ้าแม่ไม่ยอม หรือแม่ไม่รู้ แล้วตนเอาเงินไปจ่ายหนี้เจ้าอื่น ก็จะยอมรับว่าผิด แต่นี่แม่รู้ตั้งแต่แรก และได้พูดคุย ทำความเข้าใจกันมาตั้งแต่แรก แล้วเขาจะมาชูป้ายแบบนั้นทำไม
เมื่อถามว่า แล้วที่แม่ปูนาไปขอเงินที่หน้าบูทเราเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขอแค่ 3,000 บาท เป็นเงินทุนเล็กน้อย ถามว่าทำไมไม่ให้เขาไป ตนก็อยากเล่าว่า วันที่เขามา เขามาถามหาพี่หม่ำ ซึ่งเป็นเจ้าของงานในวันนั้น จะไปเล่าเรื่องราวให้พี่หม่ำฟัง ว่าตนเป็นหนี้ แต่มาแล้วไม่เจอ มาโวยวายที่บูทของตน จนลูกค้าเริ่มจะสงสัยว่าเป็นอะไร วันนั้นตนโอนเงินไปให้แม่ปูนา 2,000 บาท เขาได้เงินแล้วเดินผ่านไป ตนก็เข้าใจว่าเขาได้เงินแล้ว น่าจะสบายใจแล้วว่าตนไม่หนีแน่ เดี๋ยวจบงานเราจะทยอยโอนเงินคืนจริงๆ แต่สุดท้ายเขาก็มาชูป้ายแบบนี้
ทนายไพศาล ได้แจ้งในมุมกฎหมายว่า ป้ายที่แม่ปูนาไปชู มันไม่ได้เป็นเรื่องหมิ่นประมาท เขาชูเพื่อทวงในสิทธิ์ที่เขาควรจะต้องได้ อยากบอกจั๊กกะบุ๋มว่าอย่ามาคิดพลิกวิกฤต ถูกชูป้ายแล้วจะไปแจ้งความ เป็นข้ออ้างไม่จ่ายเงิน
สิ่งที่จั๊กกะบุ๋มทำมันเป็นการฉ้อโกง หลายกรรมหลายวาระ ถึงเวลาไปขึ้นศาลมันจะกลายเป็นแบบแชร์แม่ชะม้อย ติดคุกเป็นหมื่นปี ตอนนี้กลับตัวยังทัน ไปเคลียร์ ไปคืนหนี้ให้เขา แล้วยังมาทำมาหากินได้อยู่ แต่อย่าเอาชื่อเอาชีวิตตัวเองมาจบเพราะอะไรแบบนี้ดีกว่า เป็นหนี้ก็ต้องใช้ มีค่าสินค้าก็ต้องจ่าย ไม่ใช่ทำเหมือนกับว่าไปขายของมีแต่กำไร สุดท้ายทุนไปอยู่ที่แม่ปูนา มันทำไม่ได้
ขณะที่บรรยากาศในแชตของรายการสด มีคนเข้ามาต่อว่าด่าทอ ทั้งยังมีเจ้าหนี้เข้ามาทวงหนี้จั๊กกะบุ๋มจำนวนมาก ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า “ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย” มันเป็นเอกลักษณ์ เป็นโลโก้ของตัวเองไปแล้ว
พูดมาถึงช่วงท้ายรายการ แม่ปูนาถึงกับอดรนทนไม่ไหว ปล่อยโฮกลางรายการด้วยความอัดอั้น กุมศีรษะ แล้วพนมมือไหว้จั๊กกะบุ๋ม ขอร้องให้คืนเงินค่าสินค้ามาเถอะ เพราะทุกข์ทรมาน มีคนที่บ้าน 4 ชีวิตรอเงินก้อนนี้ไปต่อชีวิต เป็นภาพที่น่าสงสารจับใจ ช่วงท้ายรายการแม่ปูนายืนกรานว่า จะไม่รับเงินบริจาคจากใครทั้งสิ้น ใครที่อยากจะสนับสนุนแม่ปูนา สามารถไปดูในเพจ “ปูนาฟ้าใส พระรามสอง” อุดหนุนอ่องมันปู ปูนาดอง ของแม่ได้เลย
นอกจากนี้ยังมีหลากหลายคนทั้ง กัน จอมพลัง หมอปลา ทนายไพศาล และเพื่อนอินฟลู จะโอนเงินไปช่วยเรื่องค่าบรรจุภัณฑ์ให้แม่ได้ขายของต่อไป นอกจากนี้ M-150 สปอนเซอร์ของรายการยังขอมอบเงินเป็นทุนให้แม่ปูนาอีก 50,000 บาท
ขณะที่จั๊กกะบุ๋มเชิญยิ้ม บอกเจ้าหนี้ทุกคนผ่านทางรายการ บอกว่า ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของตนเป็นตลกตกอับ ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย เพราะข่าวเก่าๆ ของตน ไม่เคยได้ออกมาชี้แจงอธิบาย แล้วมามีเหตุการณ์ชูป้ายแบบนี้ ตนจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ จะขายของได้อีกไหม จะมีใครสนับสนุนอีกไหม ไม่รู้เลย แต่ยืนยันว่าจะทำมาหากินต่อไปแน่นอน