จับโจ๋19ตุ๋นขายเสื้อวงดัง คณะขวัญใจ สุดแสบหาเหยื่อเดือนละ20คน สูญครึ่งล้าน ตำรวจสืบนครบาลตามรวบ เจ้าตัวสารภาพสำนึกผิด สัญญาจะกลับตัว
วันที่ 24 มี.ค.2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผบก.สส.บช.น. ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. นำโดย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก. พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว. พร้อมตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.
จับกุมนายสุวัฒน์ หรือเพียว อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 17/2566 ลงวันที่ 13 ม.ค.2566 ข้อหาฉ้อโกง และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ทำให้ผู้อื่นเสียหาย โดยจับกุมได้เมื่อวาน เวลาประมาณ 15.50 น. ที่หน้าศาลาริมคลอง ภายในซอยรังสิต-นครนายก 93 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
การจับกุมดังกล่าว ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. พบพฤติกรรมของผู้ต้องหา เปิดบัญชีเฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความลักษณะหลอกขายเสื้อวงดนตรี คณะขวัญใจ ซึ่งเป็นวงดนตรีแนวอินดี้โฟล์กชื่อดังโดยก่อเหตุลักษณะดังกล่าว ตั้งแต่ปลายปี 2564 ถึงปัจจุบัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียหายที่หลงเชื่อจำนวนมาก และมีหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี อยู่ในระบบอยู่ 1 หมายจับ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวมาดำเนินคดี
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเรียนจบชั้นม.3 เดิมทีประกอบอาชีพเป็นพนักงานคลังสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่งย่านคลอง 7 ธัญบุรี แต่เนื่องจากงานที่ทำขณะนั้นหนักและได้ค่าตอบแทนน้อยไม่พอใช้ จึงได้ลาออก แล้วหันมาขายเสื้อวงดนตรี ประกอบกับกระแสความฮิตของวงดนตรีคณะขวัญใจขณะนั้นกำลังมาแรง ด้วยความที่ชื่นชอบจึงเห็นช่องทางทำธุรกิจ ช่วงแรกที่ทำตนมีการส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าจริงตามปกติ
จนเมื่อช่วงปลายปี 2564 ตนถูกพ่อค้าอีกรายซึ่งตนมักจะสั่งซื้อเสื้อวงคณะขวัญใจเพื่อมาโพสต์ขายหากำไรโกงไม่ส่งของทำให้สูญเงินที่สะสมมาเกือบหมดตัว จึงไม่มีเงินทุนที่จะสั่งซื้อเสื้อมาขายเพื่อหากำไร จึงคิดและเริ่มหาภาพเสื้อวงคณะขวัญใจที่มีบุคคลอื่นโพสต์ขายในโซเชียล มาโพสต์ขายเองในราคาที่ถูกกว่า จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อ และเห็นว่าทำแล้วได้เงินมาโดยที่ไม่ต้องลงทุน จึงทำเรื่อยมา เมื่อมีการโพสต์ประจาน ตนก็จะเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก แล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำกว่า 1 ปี จนมาถูกจับกุม
ที่ผ่านมาก่อเหตุมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 มีผู้เสียหายหลงเชื่อเดือนละกว่า 20 คน ความเสียหายต่อผู้เสียหาย 1 ราย ประมาณ 1,300 บาท ถึง 4,000 บาท มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุรู้สึกสำนึกในความผิดที่ได้กระทำ กราบขออภัยผู้เสียหายที่ตนเคยก่อเหตุ และจะพยายามทยอยโอนเงินที่ก่อเหตุชดใช้คืนให้โดยเร็ว และสัญญาว่าเมื่อเสร็จสิ้นจากการถูกดำเนินคดีก็จะกลับตัวเป็นคนดีของสังคม ทำอาชีพสุจริตอื่นแทน
โดยขอให้คดีของตนเป็นตัวอย่างให้คนที่คิดจะหลงกระทำความผิดว่าถึงอย่างไรเมื่อกระทำความผิดต่อสังคมแล้วสุดท้ายไม่นานก็หนีไม่พ้นโทษที่ได้กระทำ เพราะอย่างไรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะสามารถสืบสวนติดตามจับกุมได้อย่างแน่นอน เบื้องต้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
