ป.ป.ช. มหาสารคาม ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 และตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม จับนายก อบต.แห่งหนึ่ง เรียกรับเงินเป็นค่าต่อสัญญาจ้างลูกจ้างพร้อมของกลางคาลิ้นชักโต๊ะทำงานที่ห้องนายก อบต. ใน อ.บรบือ จ.มหาสารคาม
นายเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคามและเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ปปช.ภาค 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภูธร จังหวัดมหาสารคามได้นำกำลังเข้าจับกุม นายเกรียงไกร ตำแหน่งนายก อบต. ภายในห้องทำงาน
พร้อมด้วยของกลาง ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 20 ฉบับ ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ซึ่งเป็นธนบัตรที่ได้ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานไว้แล้ว หลังจากที่ได้มีพนักงานได้เอาไปมอบให้กับนายเกรียงไกรไว้เพื่อดำเนินการต่อสัญญาจ้างให้ทำงานต่อ
ทางด้านนายเกียงไกร ก็ให้การปฏิเสธ ว่ามีน้องคนหนึ่งได้เดินขึ้นมาแล้วนำเงินมาวางไว้แล้วก็เดินออกไป ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไร ผมยังไม่ได้รับเรียกอะไรเพราะยังไม่ได้มีการต่อสัญญาจ้างของพนักงานทุกคนผมยังไม่ได้ต่อให้ใครสักคนเพราะเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ ผมก็อยากทราบว่าจะแจ้งข้อหาอะไรผม แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อหลักฐานมัดตัวแน่นหนา
เจ้าหน้าที่จึงได้นำเอาธนบัตรจากลิ้นชักมาเทียบกับหลักฐานที่ได้ถ่ายเอกสารไว้ จากนั้นจึงได้แจ้งข้อหาซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และแจ้งสิทธิผู้ต้องหา
นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดนายเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า
ทาง ปปช.มหาสารคามได้รับแจ้งจากพนักงานจ้างตามภารกิจหลายราย จากองค์การบริหารส่วนตำบลใน อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ว่านายเกรียงไกร ตำแหน่งนายก อบต. ที่หมดสัญญาในวันที่ 30 กันยายน 2566 จำนวนประมาณ 17 ราย โดยเรียกรับเงินค่าต่อสัญญารายละ 15,000 – 25,000 บาท ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและเงินเดือนของแต่ละราย
โดยมีผู้เสียหายจำนวน 6 รายที่ประสงค์จะดำเนินคดีกับนายก อบต.หนองม่วง จึงได้มาร้องเรียนกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม จากนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม จึงได้ประสานไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 เพื่อดำเนินการในการดำเนินการ
นายเสกสรรณ์ สมมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมหาสารคาม เล่าว่า ทางกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นพนักงานจ้างของ อบต.ใน อำเภอบรบือ จ.มหาสารคาม แจ้งเบาะแสผ่านมาทางโทรศัพท์ก่อนว่าผู้จัดการของนายกฯ อบต.คนนี้ ก็คือนายเกรียงไกร มีพฤติกรรมเรียกรับเงิน
โดยเนื่องจากว่ากลุ่มพนักงานจ้างของ อบต.เขาหมดสัญญาจ้างในวันที่ 30 กันยายน 2566 และจะมีการประเมินเพื่อมีการต่อสัญญาจ้างต่อในเดือนตุลาคมแต่กลับมีการบันทึกการในการเรียกเงินเพื่อเป็นการตอบแทนในการสืบต่อสัญญาค่าทางกลุ่มพนักงานจ้างของ อบต. ก็เดือดร้อน
โดยถูกเรียกเงินคนละประมาณ 15,000-20,000 บาท แล้วแต่ว่าค่าจ้างมากน้อยตามตำแหน่งเงินเดือนที่ได้รับดังนั้น ปปช จังหวัดมหาสารคาม จึงได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 4 และทางตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคามเชิญผู้เสียหายที่ถูกเรียกเงิน มาบันทึกสอบปากคำแล้ว
พร้อมทำหลักฐานในเรื่องของการเตรียมเงินที่จะไปมอบให้กับนายก อบต. คนนี้เขาเรียกรับแล้วก็เราก็ได้จัดทำหลักฐานด้วยการที่ว่าได้บันทึกเลข ในธนบัตร เพื่อเป็นหลักฐาน อีกด้วย
หลังจากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ที่ถูกเรียกเงินนำบัตรดังกล่าวเข้าไปให้นายก อบต. แล้วเจ้าหน้าที่ออกที่ถูกเรียกเงินก็ได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เข้าแสดงตัวและทำการจับกุมขณะทำการเข้าแสดงตัว และจับกุม
ทางนายก อบต.ได้ปฏิเสธว่าเจ้าหน้าที่ได้เอาเงินมาใส่แฟ้มไว้เฉยๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เงินที่มามอบให้ ก็ไม่ทราบว่าเป็นเงินอะไร และคิดว่าไม่น่าจะเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาต่อสัญญา เนื่องจากอ้างว่าตัวเองยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาจ้าง และอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการประเมินเพื่อต่อสัญญาจ้างกำลังทำอยู่
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะเข้าไปเพื่อชี้ให้นายกเปิดลิ้นชัก ก็พบว่าเงินก้อน ที่เป็นหลักฐานได้ถูก นำไปซุกไว้ ในลิ้นชัก โต๊ะเรียบร้อยแล้วจากนี้จะมีการบันทึก ทำให้การของผู้ต้องหา และรวบรวมหลักฐานส่งไปที่สำนักงาน ปปช.
ทั้งนี้ผู้ถูกจับกุม อยู่ในตำแหน่งนายก อบต. ก็เป็นอำนาจของ ปปช.ที่จะพิจารณา ดำเนินการไต่สวนดำเนินคดี หรือให้ตำรวจในท้องที่ดำเนินคดีอาญาได้เลย ซึ่งจะทำให้ การพิจารณาคดีรวดเร็วยิ่งขึ้น