จับตา! หลัง 30 พ.ย. สนธิรัตน์ ฟันธงการเมืองวุ่น ส.ส.บิ๊กเนมย้ายค่าย-ควบรวมพรรค

Home » จับตา! หลัง 30 พ.ย. สนธิรัตน์ ฟันธงการเมืองวุ่น ส.ส.บิ๊กเนมย้ายค่าย-ควบรวมพรรค


จับตา! หลัง 30 พ.ย. สนธิรัตน์ ฟันธงการเมืองวุ่น ส.ส.บิ๊กเนมย้ายค่าย-ควบรวมพรรค

สนธิรัตน์ เปิดศูนย์ประสานงานเมืองตราด เปิดตัวผู้สมัครชิงส.ส. 3 จังหวัด โวพร้อมเลือกตั้ง ชูพักหนี้ 5 ปีลดทั้งต้นและดอก จับตาส.ส.บิ๊กเนมย้ายค่าย-ควบรวมพรรค

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2565 ที่อ.เมือง จ.ตราด นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) เป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.ตราด และเปิดตัวนายกิตติธัช ไชยอรรถ ผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตราด นายบุญสนอง หิรัญรักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง และนายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ

นายสนธิรัตน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า จ.ตราด มีส.ส.ได้คนเดียว และอีกไม่กี่เดือนจะมีเลือกตั้ง ขอให้ประชาชนเลือกให้ดี เลือกพรรคที่แก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน โดยพรรคสร้างอนาคตไทยเป็นพรรคใหม่ เป็นทีมเศรษฐกิจ บริหารเรื่องเศรษฐกิจมาตลอด รวบรวมคนแก้ปัญหาบ้านเมือง แก้ปัญหาปากท้องการทำมาหากิน

เราได้รับการยอมรับจากประชาชนว่า เป็นพรรคที่มีมือเศรษฐกิจที่มีฝีมือดีที่สุด จึงกล้าอาสามาพบพี่น้อง และเราไม่มีคำครหา ไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่มีคอร์รัปชั่น มีแต่คนทำงาน หากอยากได้ส.ส.ที่มีหัวใจทุ่มเทให้ประชาชน ขอให้เลือกพรรคสร้างอนาคตไทย สิ่งแรกที่จะทำหากเป็นรัฐบาล คือ พักหนี้ 5 ปี ทั้งต้นและดอก เติมทุนด้วยนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง แม้เราเป็นพรรคใหม่ แต่ไม่ใช่ของใหม่ เพราะเคยสร้างพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลมาแล้ว

นายสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังประชุมเอเปคว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเฉพาะหลังจากวันที่ 30 พ.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หากเสร็จสิ้น ประเทศไทยจะเข้าสู่ความพร้อมในการเลือกตั้ง

คาดว่าอาจจะเกิดการเคลื่อนย้ายของบิ๊กเนมทางการเมือง การประกาศจุดยืนและความชัดเจนทางการเมือง อาจจะเห็นการควบรวมพรรคที่อาจเกิดขึ้น บรรดานักการเมืองมีการลาออกการเป็นส.ส.ปัจจุบันไปสังกัดพรรคใหม่ๆ ทั้งนี้ เชื่อว่าการเมืองจากนี้จะไม่สงบนิ่ง จะมีการแปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเป็นเวลาที่เข้าสู่โหมดการเมืองอย่างแท้จริง และพรรคพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเตรียมแผนระยะสั้น ระยะยาว และจะปรับแผนตามสถานการณ์การเมือง

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค มีความพร้อมลงสนามเลือกตั้งประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เวลาที่เหลือเราจะเร่งเดินเครื่องเต็มที่ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นบัตรสองใบ จึงต้องวางยุทธศาสตร์ทั้งเรื่องส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยตั้งเป้าจำนวน ส.ส.ให้เพียงพอพร้อมรับใช้ประชาชน และประเมินตลอดเวลา พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ทะลุเป้าที่วางไว้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ