ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020/21
รอบรองชนะเลิศ เลกที่ 2
คืนวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2021
เชลซี 2-0 เรอัล มาดริด
(เชลซี ผ่านเข้ารอบชิงฯ ด้วยสกอร์รวม 3-1)
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน : ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ (อิตาลี)
1. เชลซี ควรต้องได้มากกว่า 2 ประตูตลอด 90 นาทีในเกมนี้ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า เชลซี เป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าชัดเจน จังหวะเข้าทำที่หากพวกเขาเฉียบขาดกันมากกว่านี้คงจะยิงได้สัก 4 ถึง 5 ประตูไปแล้ว
โดยเฉพาะจังหวะหลุดเดี่ยวถึง 3 ครั้งในครึ่งเวลาหลัง ที่ทั้ง ฮาเวิร์ตซ์ ก็องเต้ และ เมานท์ ต่างพลาดโอกาสทองทำหมูหกยิงนกตกปลาไปเสียหมด
ยังดีที่สุดท้าย เมสัน เมานท์ มาแก้ตัวยิงประตูคลายความกดดันไปได้ในช่วงท้ายเกม มิฉนั้นช่วง 10 นาทีสุดท้ายคงเป็นอะไรที่บีบหัวใจแฟนบอล สิงห์บลู มากกว่านี้อย่างแน่นอน
2. ราชัน มีทีเด็ดแค่ เบนเซมา เกมรุกของ เรอัล มาดริด ในวันนี้ ต้องบอกว่ามาในทรงเดียวกับนัดแรก ที่อาศัยความเฉียบขาดของหอกตัวเก๋า คาริม เบนเซมา แบกความหวังในการเข้าทำทั้งหมด ซึ่งก็เกือบทำได้ถึง 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรก แต่ถูก เอดูอาร์ด เมนดี้ ปฏิเสธเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ขณะที่สตาร์รายอื่น ๆ ทั้ง วินิซิอุส ก็สร้างความหวือหวาได้แต่บริเวณริมเส้น ไม่สามารถพาบอลเข้าสู่พื้นที่อันตรายได้ เช่นเดียวกับอดีตเดอะแบกของ เชลซี อย่าง เอเดน อาซาร์ ที่แทบไม่มีบทบาทกับเกมเลย แถมตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาก็ยังสร้างความแตกต่างไม่ได้จนทำให้ผลออกมาด้วยความปราชัยไปในที่สุด
3. พูลิซิช ทีเด็ดบนม้านั่งสำรองวันนี้ต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่ โธมัส ทูเคิล ไม่ส่ง พูลิซิช ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงลงสนามเป็นตัวจริงในนัดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม “กัปตันอเมริกา” ยังคงได้รับโอกาสในช่วงครึ่งหลัง และเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังเลยแม้แต่น้อย สามารถสร้างความแตกต่างด้วยการใช้ทักษะความเร็วไปกับบอลปั่นป่วนแนวรับทีมเยือนได้เป็นอย่างดี
ซึ่งวันนี้เจ้าตัวทำได้ 1 แอสซิสต์จากจังหวะที่หลุดไปแต่ไม่ติดสินใจยิงจังหวะแรก รอให้ เมานท์ สอดขึ้นมาก่อนตบเข้ากลางให้เพื่อนยิงจ่อ ๆ เข้าไปนั่นเอง
4. คู่ชิงชนะเลิศที่สมศักดิ์ศรีต้องบอกว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีทีมใดเหมาะสมกว่าทั้งสองทีมที่เข้าชิงในปีนี้อีกแล้ว ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก และ เชลซี ที่ผลงานเปลี่ยนเป็นคนละทีมหลังจากการมาของ โธมัส ทูเคิล
ซึ่งเฮดทูเฮดของทั้งสองทีมจัดว่าสูสีสุด ๆ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอดช่วง 3 ปีหลังในทุก ๆ รายการ โดยซีซั่นนี้เจอกันมาแล้ว 2 นัด เป็น เชลซี ที่เอาชนะได้หนึ่งในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย ส่วนในลีกเป็น เรือใบสีฟ้า ที่คว้าชัยไปได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แถมสุดสัปดาห์นี้พวกเขาต้องโคจรมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งก็น่าจะเป็นการซ้อมรอบชิงแบบกลาย ๆ ก่อนที่จะเอาจริงในวันที่ 29 พฤษภาคมที่จะถึงนี้!