“เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี อดีตนักมวยสากลทีมชาติไทยวัย 37 ปีชาว อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ดีกรีเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ 4 สมัย (ซีเกมส์ 2009, 2013, 2017 และ2019) ที่ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 พลิกบทบาทใหม่ร่วมเป็นทีมสต๊าฟโค้ชกำปั้นไทย เปิดเผยว่า ความเป็นอยู่ของทีมขุนพลมวยเสื้อกล้ามไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เมืองบั๊กนิง ซึ่งห่างจากกรุงฮานอย 40 กม. นั้น ถือว่าเรียบร้อยดี อาหารการกิน โรงแรมที่พักไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สภาพความฟิตของนักชกของไทยมีเพียง พีรภัทธ์ เยียะสูงเนิน รุ่น 75 กก.ชาย คนเดียวที่มีอาการเจ็บที่หลังเล็กน้อยหลังการชกรอบแรก ส่วนคนอื่นสภาพยังสมบูรณ์
“ ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากต่อยวันแรกไปแล้วคือ ระบบการตัดสินมวยสากลซีเกมส์คราวนี้แปลกประหลาดไม่มีการเปิดคะแนนโชว์รอบเวที ซึ่งผิดปกติที่สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบ้า) ต้องการทำให้การให้คะแนนการชกโปร่งใส่ ดังนั้นทางฝ่ายไทยจึงเข้าไปทักท้วงและจัดระบบการตัดสิน และการเปิดคะแนนโชว์ในแต่ละยกให้ใหม่ ซึ่งทางเจ้าภาพยินยอมที่จะปรับเปลี่ยนในวันต่อมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกชาติให้ความร่วมมือ”
“เจ้าสด” กล่าวต่อว่า บทบาทใหม่ของตัวเองในการช่วยทีมน้องๆ ทุกคน รู้สึกสนุก เราผูกพันกันมานาน อยู่กับทีมมานาน น้องๆ ให้ความเคารพรัก รักใคร่กัน สามัคคีกัน ตนรู้สึกสนุกกับหน้าที่ใหม่หลังจากแขวนนวมเลิกชกไป ในส่วนความหวังของทีมมวยสากลไทยในซีเกมส์ ครั้งที่ 31 นั้น สำหรับนักชกชาย แน่นอนว่าเจองานที่ยากเพราะต้องเจอนักมวยกระดูกแข็งๆ จากฟิลิปปินส์ แต่จากการฟิตซ้อมกันมาอย่างหนัก ตนยังเชื่อมั่นในน้องๆ ทุกคนว่า นักชกชายจะคว้าได้ 2 เหรียญทองให้ทัพนักกีฬาไทยได้แน่นอน ส่วนนักชกหญิงของไทยนั้น การเจอกับ “เจ้าภาพ” เวียดนาม เป็นงานยากเพราะเป็นกีฬาที่ต้องตัดสินด้วยสายตา แต่ตนเชื่อว่าในรุ่น 57 กก.หญิง “น้องเมษา” นิลาวัลย์ เตชะสืบ จะคว้าเหรียญทองได้ 100 % ส่วนอีกรุ่นที่แอบหวังไว้คือรุ่น 60 ก.หญิง “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี ดีกรีเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2020 ก็มีโอกาสเช่นกัน แต่ต้องวัดกับนักชกเจ้าถิ่นที่ดีกรีไม่ธรรมดาเช่นกัน
สำหรับกำปั้นชายของไทยที่เป็นความหวังสูงสุดในการคว้าทองซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า จะอยู่ในรุ่น 63 กก.ชาย สมชาย วงศ์สุวรรณ์ และรุ่น 91 กก. จักรพงศ์ ยมโคตร