จริงหรือไม่ที่สาวสมัยใหม่มองผู้ชายเป็นผู้ช่วยแก้เหงา? เพราะพวกเธอดูแลตัวเองได้ ถ้าไม่เจอคนที่ดีถูกใจจริงๆ ยอมอยู่เป็นโสดดีกว่า

ปัจจุบันบทบาทของผู้หญิงในสังคมเปลี่ยนไปอย่างมาก ผู้หญิงรุ่นใหม่มีความมั่นคงทางการเงินและจิตใจสูงขึ้น พวกเธอสามารถดูแลตัวเองได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต หรือการดูแลความเป็นอยู่ส่วนตัว จึงทำให้แนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์และบทบาทของผู้ชายในชีวิตพวกเธอก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน มีคำถามที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ “ผู้หญิงยุคใหม่มองผู้ชายเป็นเพียงผู้ช่วยแก้เหงาหรือไม่?” ซึ่งบางคนก็เชื่อว่าถ้าไม่เจอคนที่ดีและถูกใจจริง ๆ พวกเธอเลือกที่จะอยู่เป็นโสดมากกว่าจะคบหากับใครเพียงเพื่อเติมเต็มความเหงา

ผลสำรวจ: จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้หญิงยุคใหม่ที่จัดทำโดย Pew Research Center ในปี 2021 พบว่า ผู้หญิงกว่า 53% ของกลุ่มตัวอย่างในวัย 25-40 ปี ระบุว่าพวกเธอเลือกที่จะเป็นโสด หากไม่เจอคู่ที่ตรงใจและเข้ากับพวกเธอได้จริงๆ อีกทั้งผู้หญิงถึง 45% ยังเชื่อว่าการอยู่เป็นโสดทำให้พวกเธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและเป็นตัวของตัวเองมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องการทำงานและการพัฒนาตนเอง

การสำรวจจาก YouGov ในปี 2020 พบว่า 38% ของผู้หญิงอายุตั้งแต่ 20-35 ปี มองว่าการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ตรงใจ ไม่คุ้มค่ากับการเสียเวลาและพลังงาน ทั้งในด้านอารมณ์และจิตใจ ผู้หญิงหลายคนยังเลือกที่จะให้เวลากับการดูแลตัวเอง พัฒนาทักษะใหม่ ๆ และเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตมากกว่าที่จะผูกพันกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีความหมายหรือต้องพึ่งพิงผู้ชาย

เหตุผลที่ผู้หญิงยุคใหม่เลือกอยู่โสด
ผู้หญิงสมัยใหม่มีความสามารถในการสร้างความมั่นคงทางการเงินได้เอง ไม่ต้องพึ่งพิงผู้ชายเหมือนในอดีต งานศึกษาจาก Harvard Business Review ในปี 2019 ระบุว่าผู้หญิงในยุคปัจจุบันทำงานในตำแหน่งผู้บริหารมากขึ้น และมีความสามารถในการดูแลทั้งด้านอารมณ์และการเงินได้ด้วยตัวเอง ส่งผลให้พวกเธอไม่ได้มองหาความสัมพันธ์เพื่อความมั่นคงทางการเงินเหมือนในอดีต แต่มองหาความสัมพันธ์ที่เติมเต็มด้านจิตใจและการเป็นคู่ที่สอดคล้องกับชีวิตพวกเธอมากกว่า

นอกจากนี้ผู้หญิงยุคใหม่ยังมีความมั่นใจในความสวยงามและความสามารถของตัวเอง พวกเธอเชื่อว่าการดูแลตัวเองให้มีชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องมีคู่รักเสมอไป การสำรวจจาก Ipsos Global Trends ในปี 2020 พบว่าผู้หญิงถึง 42% ในกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าการมีคู่รักหรือสามีไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิต และพวกเธอสามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขได้ด้วยตัวเอง

ความสัมพันธ์ชั่วคราว: One Night Stand และ Friends with Benefits นอกจากการที่ผู้หญิงยุคใหม่เลือกที่จะอยู่เป็นโสด หากไม่เจอคู่ที่ถูกใจแล้ว ยังมีแนวโน้มว่าผู้หญิงในยุคปัจจุบันเปิดกว้างต่อความสัมพันธ์ทางกายแบบชั่วคราวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบ One Night Stand หรือ Friends with Benefits (FWB) การสำรวจจาก Kinsey Institute ในปี 2020 พบว่า ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 18-35 ปี ประมาณ 37% ยอมรับว่าพวกเธอเคยมีความสัมพันธ์แบบ One Night Stand และ 28% เคยมีความสัมพันธ์แบบ FWB ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากทศวรรษก่อนอย่างชัดเจน

ผู้หญิงหลายคนมองว่าความสัมพันธ์แบบชั่วคราวให้ความพึงพอใจทางกายและอารมณ์โดยไม่จำเป็นต้องมีพันธะระยะยาว โดยที่พวกเธอยังคงสามารถควบคุมชีวิตตัวเองและเลือกเส้นทางที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ บางคนเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการทำงานและความสำเร็จในชีวิตมากกว่าการผูกพันกับความสัมพันธ์แบบดั้งเดิม

บทสัมภาษณ์จากผู้หญิงยุคใหม่: คุณนารี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันไม่รู้สึกว่าการมีแฟนหรือแต่งงานเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต ถ้าฉันไม่เจอคนที่ทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น ฉันก็เลือกที่จะโสดและดูแลตัวเอง ถ้าฉันเหงา ฉันก็ออกไปพบปะเพื่อน ๆ หรือมีความสัมพันธ์ชั่วคราวที่ทำให้ฉันพอใจ โดยที่ไม่ต้องมีพันธะใด ๆ ฉันรู้สึกมีอิสระและสุขภาพจิตดีกว่า”

คุณศรีสุดา (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี นักบัญชี ให้ความเห็นว่า “ฉันมองหาความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ไม่ได้มองหาคนที่จะมาเติมเต็มแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ฉันมีงานที่มั่นคง มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไม่เจอคนที่เข้ากันได้จริงๆ ฉันเลือกที่จะอยู่เป็นโสดดีกว่า”

สรุป:
ผู้หญิงยุคใหม่มีความมั่นคงทางการเงินและอารมณ์มากขึ้น พวกเธอสามารถดูแลตัวเองได้อย่างดี ไม่จำเป็นต้องมีคู่เพื่อความมั่นคงทางการเงินหรือสังคม ความสัมพันธ์กับผู้ชายกลายเป็นทางเลือก ไม่ใช่ความจำเป็น หากไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ หลายคนเลือกที่จะเป็นโสดและใช้ชีวิตอย่างอิสระ ในขณะเดียวกัน ผู้หญิงสมัยใหม่ก็มีแนวโน้มที่จะเปิดกว้างกับความสัมพันธ์แบบชั่วคราวมากขึ้น เช่น ความสัมพันธ์แบบ One Night Stand หรือ Friends with Benefits ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องความอิสระในการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง

แหล่งที่มา:

• การสำรวจจาก Pew Research Center, 2021
• การสำรวจจาก YouGov, 2020
• งานศึกษาจาก Harvard Business Review, 2019
• การวิจัยจาก Kinsey Institute, 2020
• การสำรวจจาก Ipsos Global Trends, 2020