หลังการเลือกตั้งใหญ่สิ้นสุดลง ประชาชนต่างก็รอให้มีการจัดตั้งรัฐบาล และเลือกนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยหลังจากพรรคอันดับ 1 อย่างพรรคก้าวไกล ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก กับพรรคร่วมอีก 8 พรรค แต่ก็ไม่วาย เจอกระแสดราม่าต่อเนื่องมาตลอด จนกระทั่งถึงตอนนี้ ที่สงครามเชือดเฉือน ชิงตำแหน่งสำคัญ ระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมาเป็นอันดับสอง ยังคงพลิกไป พลิกมา และร้อนระอุ จนกองเชียร์หลายคนเริ่มส่ายหน้า
วันนี้ Sanook News ขอย้อนสรุปไทม์ไลน์อีกครั้ง ก่อนที่วาระสำคัญในวันพรุ่งนี้จะมาถึง นั่นก็คือการเลือกตำแหน่ง “ประธานสภา”
-
4 ก.ค.-12 ก.ค. ประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ 2
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ค.) เวลา 09.30 น. นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือเชิญ ส.ส. เข้าร่วมประชุมสภาเป็นครั้งแรก ที่ห้องประชุมสภา โดยมีระเบียบวาระการประชุมเพื่อเลือกประธานสภาและรองประธานสภา
ซึ่ง ณ เวลานี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า จะมีการเสนอชื่อใครบ้างขึ้นมาแข่งขันกัน เพราะ ณ เวลานี้ ยังมีชื่อของ หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคก้าวไกล ซึ่งอาจจะต้องแข่งกับ นายสุชาติ ตันเจริญ หรือ “พ่อมดดำ” จากพรรคเพื่อไทย แต่ฝ่ายหลังอาจจะยอมถอย หลัง มดดำ คชาภา โพสต์เป็นนัยยะว่าคุณพ่ออาจจะยอมถอยแล้วจริง แต่ไม่นานก็มีการหยิบยกชื่อของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ขึ้นมาอีกคน
โดยไทม์ไลน์ของการเลือกประธานสภา ส.ส.จะต้องยกมือโหวตให้ได้ผู้ชนะ ด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สภา ส.ส. ซึ่งไทม์ไลน์นี้จะต้องไม่เกินวันที่ 12 กรกฎาคม
-
15 ก.ค. ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
หลังการเลือกประธานสภาเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงคราวโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยเรื่องนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่เพียงผู้เดียว แต่ยังคงมีกำแพงใหญ่อยู่คือ ต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งจาก 2 สภา นั่นหมายรวมถึง ส.ว. จะต้องมายกมือโหวตให้นายพิธาด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอีกว่า นายพิธา จะฝ่าด่านนี้ไปเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้หรือไม่