ค้านเปิดขาย 'น้ำเมา' ถึงตี 4 ห่วงอุบัติเหตุเมาขับพุ่ง ไฟเขียวแผนควบคุมเหล้าช่วงปีใหม่  

Home » ค้านเปิดขาย 'น้ำเมา' ถึงตี 4 ห่วงอุบัติเหตุเมาขับพุ่ง ไฟเขียวแผนควบคุมเหล้าช่วงปีใหม่  


ค้านเปิดขาย 'น้ำเมา' ถึงตี 4 ห่วงอุบัติเหตุเมาขับพุ่ง ไฟเขียวแผนควบคุมเหล้าช่วงปีใหม่  

คกก.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค้านขยายเวลาขาย “น้ำเมา” ถึงตี 4 ห่วงเมาขับทำอุบัติเหตุมากขึ้น 27% ชงบอร์ดนโยบายชาติเห็นชอบ ไฟเขียวแผนควบคุมเหล้าช่วงปีใหม่

25 พ.ย. 65 – นพ.โอภาส การย์กวินงพศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ครั้งที่ 3/2565 ว่า

วันนี้ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และความก้าวหน้าการเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ส่วนการพิจารณาได้เห็นชอบแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮอล์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 หัวข้อ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ภายใต้คำขวัญ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ”

โดยเน้นป้องกันและลดผลกระทบจากการดื่ม โดยเฉพาะเน้นขับเคลื่อนผ่านผู้นำท้องถิ่น นโยบายมาตรการชุมชน การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เพิ่มมาตรการทดสอบผู้ขับขี่ที่สงสัยว่าจะดื่มที่ด่านชุมชน และใช้แนวทางมาตรการสังคมประเมินอาการมึนเมา ป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ มาตรการรณรงค์จะมีทั้งช่วงก่อนเทศกาล ช่วงเทศกาล และหลังเทศกาลปีใหม่

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2565-2570) โดยให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดจัดส่งแผนปฏิบัติการระดับจังหวัด และติดตามความก้าวหน้าผ่านกระบวนการตรวจราชการ

รวมถึงยังมีการพิจารณาข้อเสนอเชิงนโยบายผลกระทบหากจะมีการขยายเวลาให้เปิดสถานบริการให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง 04.00 น. ซึ่งจะทำให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยาว 11 ชั่วโมงนับตั้งแต่ 17.00 น. ซึ่งที่ประชุมมีมติตามข้อมูลวิชาการ กรรมการยืนยันว่า ไม่ควรขยายเวลาการขาย เพราะจะเพิ่มผลกระทบด้านสุขภาพคนบาดเจ็บจากการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

โอกาสที่จะมีคนเมาขับมาทำให้เกิดเหตุเพิ่มถึง 27% คาดประมาณผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากดื่มแล้วขับได้ถึง 10-20 รายต่อวัน แม้จะมีการกวดขัน เช่น ด่านตรวจเข้มตลอดคืนถึงเช้า คาดว่าจะสกัดคนเมาขับได้เพิ่ม 30-50% ลดผลกระทบได้เพียง 10 รายต่อวัน

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การควบคุมช่วงเทศกาลปีใหม่จะเน้นการให้ความรู้และการบังคับใช้กฎหมาย จะแจ้งคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด/กทม.ดำเนินการต่อไป และจะเน้นด่านชุมชนโดยท้องถิ่น อสม.และภาคประชาชนในด่านครอบครัว ส่งเสริมมาตรการองค์กรให้เตือนบุคลากรตนเอง เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย

โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การจราจรทางบกใหม่ ถ้ามีโทษซ้ำให้พิจารณาลงโทษจำคุกเลยเป็นมาตรการป้องปราม ตำรวจก็รับทราบเรื่องนี้ และเข้มเอาผิดขายเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ส่วนเรื่องการขยายเปิดสถานบริการผับบาร์ถึง 04.00 น.

คณะทำงานวิชาการพิจารณาทุกประเด็นทุกมิติ ทั้งประโยชน์เศรษฐกิจ ข้อกฎหมายและความปลอดภัย เห็นตรงกันว่า ยังไม่ควรขยายเวลา แต่เป็นความเห็นของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ต่อไป

ถามย้ำว่า การพิจารณาวันนี้เป็นเรื่องของการไม่ขยายเวลาในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่ใช่การขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึง 04.00 น.ใช่หรือไม่ นพ.ธเรศกล่าวว่า กฎหมายของเราเป็นเรื่องควบคุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ การเปิดผับไม่เกี่ยวกับเรา

ซึ่งเวลาในการขายจะไม่ได้เกี่ยวพันแค่การขายในสถานบันเทิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขายในร้านค้าที่ได้รับอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ดังนั้น มติคือไม่ได้เห็นด้วยกับการขยายเวลาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนถึง 04.00 น. โดยปัจจุบันขายได้ 2 ช่วงคือ 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.

ถามถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ นพ.ธเรศกล่าวว่า ฉบับของ สธ. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งกลับมาให้ดูในประเด็นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังให้คณะอนุกฎหมายดูรายละเอียด

ก็จะมีการสรุปและเสนอเข้าไปอีกครั้ง เช่น เรื่องอำนาจ ประกาศคณะปฏิวัติเก่า ซึ่งทีมกฎหมายต้องไปดูรายละเอียด เราพยายามแก้ไขจุดอ่อนคราวที่แล้ว และจุดที่ต้องใช้ดุลยพินิจเยอะต้องทำให้ชัดเจนขึ้น แต่นี่เป็นร่างในชั้นของ สธ.เท่านั้น ยังมีอีกหลายกระบวนการ

ถามว่า ร่างฉบับใหม่จะมีการพูดถึงการควบคุมการโฆษณาในส่วนของตราเสมือนของแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยหรือไม่ นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผอ.สำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ก็จะมีการเขียนให้ชัดเจนขึ้นว่า แบบไหนได้หรือไม่ได้อย่างไร

ซึ่งร่างกฎหมายยังต้องไปผ่านกระบวนการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน เพราะจะต้องผ่าน ครม. และไปมีการแก้ไขเพิ่มเติมในการพิจารณาของสภาอีก จึงยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วมาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้หน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร จึงยังต้องรอก่อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ