สตูดิโอภาพยนตร์ฮอลลีวูด ‘ดิสนีย์-วอร์เนอร์-โซนี่’ พร้อมใจกันคว่ำบาตร ระงับฉายภาพยนตร์ในรัสเซีย ต่อต้านความรุนแรงในยูเครนระบุ เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียรุกรานยูเครน ซ้ำเติมวิกฤตด้านมนุษยธรรม
เมื่องวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่าหนึ่งในค่ายหนังยักษ์ใหญ่ซึ่งประสบความสำเร็จมากสุดในโลกอย่าง ดิสนีย์ ได้ออกมาประกาศระงับการฉายภาพยนตร์ทุกเรื่องในประเทศรัสเซียแล้ว
รวมไปถึงเรื่อง “Turning Red” หรือมีชื่อไทยว่า เขินแรงแดงเป็นแพนด้า จากค่ายพิกซาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกำหนดฉายในประเทศ 10 มีนาคม เพื่อแสดงจุดยืนว่าพวกเขาอยู่เคียงข้างยูเครน และไม่สนับสนุนสงคราม รวมถึงความรุนแรงทุกรูปแบบ
ด้านโฆษกของบริษัทระบุในถ้อยแถลงว่า “จากเหตุการณ์ที่รัสเซียรุกรานยูเครนโดยปราศจากการยั่วยุอันเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรม เราขอประกาศว่าจะระงับการฉายภาพยนตร์ทุกเรื่อง รวมถึงแอนิเมชันจากค่ายพิกซาร์ อย่าง Turning Red ในประเทศรัสเซีย โดยเราจะตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ระหว่างนี้ เรากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตร NGO เพื่อแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยอย่างเร่งด่วนที่สุด”
ทั้งนี้ดิสนีย์ ถือเป็นค่ายหนังระดับยักษ์เจ้าแรกที่ออกมาประกาศคว่ำบาตรหรือระงับการฉายภาพยนตร์ในประเทศรัสเซีย ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้จะมีค่ายอื่นๆ ทำแบบเดียวกัน ก่อนที่ทาง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส จะได้ประกาศระงับฉาย ‘เดอะ แบทแมน’ ในรัสเซีย ก่อนถึงกำหนดเข้าฉายในวันศุกร์นี้ (5 มี.ค.) เพื่อตอบโต้กรณีที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
โฆษกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เมื่อพิจารณาถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมในยูเครน วอร์เนอร์ มีเดีย ขอระงับการฉายภาพยนตร์เรื่องเดอะ แบทแมน ในรัสเซียชั่วคราว เราจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่อไป และหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหันมาใช้การแก้ปัญหาอย่างสันติต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้”
และหลังจากที่มีการเผยแพร่แถลงการณ์ของสองค่ายยักษ์ ทาง โซนี พิคเจอร์ส ก็ได้ออกประกาศระงับฉายภาพยนตร์ทั้งหมดในรัสเซีย รวมถึง Morbius ที่นำแสดงโดย จาเร็ด เลโต้ หนึ่งในฮีโร่ของจักรวาลมาร์เวล ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในรัสเซียวันที่ 24 มี.ค. นี้
ด้านสมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ว่า “สมาคมฯขอยืนเคียงข้างประชาคมโลกในการยึดมั่นตามกฎหมายและประณามรัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน เราในฐานะตัวแทนของสมาชิกซึ่งเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ รายการทีวี และธุรกิจสตรีมมิ่ง เราขอแสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้าในการสนับสนุนประชาชนชาวยูเครน เพราะพวกเขาควรค่าที่จะมีชีวิตและทำงานอย่างมีสันติ”
นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทสตรีมมิ่งภาพยนตร์รายใหญ่ยืนยันว่าทางบริษัทจะไม่ทำตามกฎของรัสเซียในเรื่องการนำเสนอข่าวสารบนช่องข่าว โดยโฆษกของเน็ตฟลิกซ์กล่าวว่า “เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เราไม่มีแผนที่จะเพิ่มช่องข่าวของรัสเซียเข้าสู่การบริการของเรา ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากช่องข่าวของรัฐบาลรัสเซียได้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัสเซียในการบุกโจมตียูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”
ที่มา : variety / theguardian / The Wall Street Journal