ปลัดศธ. เผย คุรุสภาสั่งพักใบอนุญาต ครูหื่น ขายคลิปอนาจารเด็ก เล็งปรับวิธีคัดเลือกครูใหม่ เพิ่มจรรยาบรรณวิชาชีพ อนาคตลงดาบผู้บริหารโรงเรียนอันดับแรก เหตุขาดศักยภาพดูแลสถานศึกษา
10 พ.ย. 65 – นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีตำรวจเข้าจับกุม นายเจ ข้าราชการครู สอนวิชาสังคม โรงเรียนดังสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพมหานคร
โดยครูรายดังกล่าว ถูกตั้งข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นนั้น ว่า
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลครูรายดังกล่าวแล้ว พบว่ามีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จึงได้ทำการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไว้ก่อน และทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการตรวจสอบทางวินัยต่อไป
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ตนมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนที่เป็นครู จะต้องเป็นครูมืออาชีพ ไม่ใช่ทำอาชีพครู การเป็นครูมืออาชีพ นอกจากจะถ่ายทอดความรู้แล้ว ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มีศรัทธาในความเป็นครู และมีจรรยาบรรณในวิชาชีพตามที่คุรุสภากำหนด
เรื่องที่ครูบางคนก่อเหตุนั้น มองว่ามาจากพฤติกรรมส่วนตัว แต่เมื่อเป็นพฤติกรรมส่วนตัวแล้วคนเหล่านี้เข้ามาอยู่ในวงการศึกษาได้อย่างไร เราควรต้องหันกลับมามองวิธีการคัดเลือกครูใหม่ อาจจะต้องเพิ่มจรรยายบรรณวิชาชีพครู และอาจจะต้องเชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อดูแลด้านจิตวิทยาครูด้วย
นอกจากจะมองวิธีการคัดเลือกครูใหม่แล้ว สถาบันผลิตครูควรเพิ่มเติมการเรียนการสอนเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ เพราะองค์ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันได้แล้ว ดังนั้น ต้องเติมจรรยาบรรณวิชาชีพให้คนที่จะมาเป็นครูในอนาคตให้มากขึ้นด้วย
“ผมได้ส่งการให้คุรุสภา เน้นย้ำสถานศึกษา โดยเฉพาะผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต้องใส่ใจดูแลครู เพราะผู้บริหารเหมือนเจ้าอาวาสที่ต้องอยู่วัด ต้องดูแลบ้านและองค์กรของตน ไม่ใช่ออกไปข้างนอก จนขาดการกำกับดูแล และผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบลำดับแรก หากปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในบ้านของตน
ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีศักยภาพในการดูแลสถานศึกษาหรือไม่ ดังนั้น หากสถานศึกษาไหนเกิดปัญหา ต้องโทษผู้บริหารสถานศึกษาด้วยว่าได้กำกับดูแลสถานศึกษามากน้อยแค่ไหน และกำกับดูแลอย่างไร
ผู้บริหารและรองฝ่ายต่างๆ ได้ทำการสุ่มตรวจครูบ้างหรือไม่ และฝ่ายแนะแนวได้ทำความเข้าใจกับเด็กหรือไม่ ว่าหากมีปัญหาอะไรสามารถเข้ามาหา และปรึกษาครูได้ทันที ผมมองว่า ถ้าผู้บริหารใส่ใจการทำงาน ติดตามดูแล ตรวจตราดูแลจะไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น” นายอรรถพล กล่าว