คุมน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร กับ "อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก"

Home » คุมน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร กับ "อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก"

คนที่พยายามลดน้ำหนัก บางครั้งก็เหมือนเดินหลงอยู่ในเขาวงกต ไปผิดทางบ้าง เจอทางตันบ้าง คงจะดีถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้นำทาง…

เทรนด์สุขภาพที่ไม่เคยห่างหายไปจากคนยุคใหม่ ก็คือการใส่ใจดูแลตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย ควบคุมการรับประทานอาหาร เพื่อเป้าหมายสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก ทั้งเพื่อสุขภาพที่ดี หรือรักษาหุ่นสวย แต่ก็มีวิธีมากมาย ที่ไม่ประสบผลสำเร็จและอาจไม่ปลอดภัย เช่น การอดอาหารที่มากเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอโดยเฉพาะโปรตีน จึงเกิดการสูญเสียทั้งไขมันและกล้ามเนื้อในร่างกายมาก แม้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่การเผาผลาญของร่างกายก็ลดต่ำลงไปด้วย และไม่สามารถทำต่อเนื่องได้ในระยะยาวเมื่อกลับมารับประทานอาหารเพิ่มขึ้น จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว วนเป็นวัฏจักรต่อไป

ทั้งที่จริงแล้ว หลักสำคัญของการลดน้ำหนักที่ถูกต้องและปลอดภัยในระยะยาวสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน ก็คือการควบคุมพลังงานแคลอรีที่ควรได้รับในแต่ละวันให้พอเหมาะ ลดพลังงานส่วนเกินที่ไม่จำเป็นลง โดยที่ยังคงความครบถ้วนของสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ

แชร์ทริกควบคุมน้ำหนักแบบไม่ต้องอดอาหาร

1. ควบคุมพลังงานจากอาหารหากเรามีปัญหาน้ำหนักเกิน ก็แสดงว่าพลังงานที่เราได้รับจากอาหารนั้นมากกว่าพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญออกไปในแต่ละวัน การปรับลดพลังงานจากอาหารลงอย่างน้อย 500 กิโลแคลอรีต่อวัน ก็จะช่วยลดน้ำหนักลงได้อย่างน้อย 5 ถึง 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ยกตัวอย่างง่ายๆ พลังงานส่วนเกิน 500 กิโลแคลอรีนั้นมาจากน้ำมันเพียงประมาณ 10 ช้อนชาที่ได้มาจากการประกอบอาหารด้วยการทอดอมน้ำมัน หรือมาจากเครื่องดื่มประเภทกาแฟสดหรือชานมหวานปกติที่ปรุงแต่งด้วยท้อปปิ้งรูปแบบต่างๆ เพียง 1-2 แก้ว หรือมาจากอาหารว่างประเภทเค้กหรือเบเกอรี่ 1-2 ชิ้น เป็นต้น ดังนั้นการลดพลังงานส่วนเกินที่ไม่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง เช่น ลดการรับประทานของทอด ดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง หรือ เลือกอาหารว่างเป็นผลไม้สดหวานน้อยแทนเบเกอรี่ เป็นต้น ก็สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้อย่างง่ายๆ

การควบคุมพลังงานจากอาหารยังสามารถทำได้โดยใช้หลักการรับประทานอาหารในสัดส่วนสมดุล 2:1:1 ในแต่ละมื้อ กล่าวคือ ในแต่ละมื้อให้จินตนาการแบ่งจานอาหาร (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 9 นิ้ว) ออกเป็น 4 ส่วน เท่าๆกัน โดย 2 ส่วนให้เลือกรับประทานเป็นผักหลากสี ผักใบ หรือผักที่มีแป้งต่ำอย่างน้อย 2 ชนิด อีก 1 ส่วนเป็นข้าว แป้ง เน้นข้าวแป้งไม่ขัดสี และอีก 1 ส่วนเป็นโปรตีน โดยเน้นโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา ไข่ เต้าหู้ เป็นต้น ร่วมกับเลือกเมนูการประกอบอาหารเป็นต้ม นึ่ง ย่าง หรืออบ ก็จะได้มื้ออาหารพลังงานต่ำและได้คุณค่าอาหารครบถ้วน นอกจากนี้ยังอาจใช้อาหารทดแทนมื้ออาหาร (meal replacement) ที่ให้พลังงานต่ำและโปรตีนสูง รับประทานแทนอาหารปกติ 1-2 มื้อต่อวัน (สามารถปรึกษานักกำหนดอาหารหรือนักโภชนาการได้) เป็นทางเลือกหนึ่งในการจำกัดพลังงานจากการรับประทานอาหาร อย่างไรก็ดีเพื่อสุขภาพที่ดีแนะนำให้เพิ่มกิจกรรมทางกายควบคู่กันไปด้วย

2. กินอาหารคุณภาพดี: การเลือกรับประทานอาหารแบบ 2:1:1 ดังกล่าวข้างต้นถือเป็นหลักการกินอาหารคุณภาพดี และพลังงานรวมอาหารต่ำ นอกจากนี้ทุกมื้อยังสามารถกินผลไม้สดหวานน้อยเพิ่มได้ในปริมาณ 1 ส่วน (ขนาดเท่าจานรองกาแฟ 1 จาน เทียบเท่ากับผลไม้หั่นชิ้นประมาณ 6-8 ชิ้นคำ หรือ ผลไม้ผลขนาดกลาง 1 ผล หรือ ผลไม้ผลขนาดเล็ก 4-6 ผล) เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ได้รับใยอาหารเพิ่ม เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก นอกจากนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ของทอด ขนมเค้ก พิซซ่า น้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลผสม เป็นต้น

3. ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร: เพราะร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำประมาณร้อยละ 60 ของน้ำหนักตัว โดยน้ำจะเข้าไปเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของ เลือด และอวัยวะต่างๆ ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของหลายๆ ระบบของร่างกาย รวมไปถึงระบบการเผาผลาญของร่างกายที่จะทำงานได้ดีขึ้น

4. ออกกำลังกายให้พอเหมาะ: แนะนำให้ออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่ง (weight training) และแบบใช้แรงต้าน (resistance exercise) เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ ให้ระบบเผาผลาญทำงานเป็นปกติ ควบคู่กับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (cardio exercise) เพื่อช่วยเผาผลาญแคลอรี และเสริมความแข็งแรงของหัวใจและปอด

5. สูตร(ไม่)ลับ ฉบับออปติฟาสท์ (OPTIFAST) ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ออปติฟาสท์ เป็นอาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก แบรนด์แรกในประเทศไทย จาก เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์
(Nestlé Health Science) สามารถใช้ทดแทนมื้ออาหารได้ เป็นทางเลือกของคนไทยที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก มีจุดเด่นด้านโภชนาการที่หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารอย่างเหมาะสม

โดย “ออปติฟาสท์ (OPTIFAST)” เป็นผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม โดยใน 1 ซอง ให้พลังงานทั้งหมด 215 กิโลแคลอรี โปรตีน 20 กรัม โปรตีนมีส่วนช่วยเสริมสร้างและคงสภาพของมวลกล้ามเนื้อ น้ำตาลฟรุคโตสต่ำกว่า 0.5 กรัม อีกทั้งผสมใยอาหาร 3 ชนิด ใยอาหารเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย ให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างหลากหลายในช่วงที่จำกัดพลังงาน สามารถใช้แทนมื้ออาหารได้ รสชาติดี อร่อยดื่มได้ทุกวัน มีหลากหลายรสชาติ ทั้งกลิ่นวานิลลา ช็อกโกแลต และกาแฟ (อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์)

คุณอนุสรา ขมวิลัย ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์

การมอบสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค หรือ Good for You ของเนสท์เล่ เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้ และในอนาคต เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ จึงสานต่อความมุ่งมั่นในการใช้ความรู้ทางด้านโภชนาการ เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการที่ดี ด้วยการเปิดตัว ออปติฟาสท์ ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก ที่สำคัญ…ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย” คุณอนุสรา ขมวิลัย ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ กล่าว

พ.อ. หญิง พญ. สิรกานต์ เตชะวณิช อายุรแพทย์โภชนศาสตร์คลินิก

พ.อ. หญิง พญ. สิรกานต์ เตชะวณิช อายุรแพทย์โภชนศาสตร์คลินิก กล่าวถึงความสำคัญและวิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้องว่า “ในปัจจุบันมีวิธีลดน้ำหนักมากมายซึ่งอาจเห็นผลในระยะสั้น แต่หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือนักกำหนดอาหารร่วมด้วย อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ ซึ่งในทางการแพทย์ การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย หลักการก็คือ ลดหรือจำกัดพลังงานที่ได้รับ เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้ แต่ร่างกายยังควรได้รับโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ เพราะโปรตีนจะช่วยคงสภาพของมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีผลต่อการคงประสิทธิภาพการเผาผลาญของร่างกายและจำเป็นต่อการรักษาน้ำหนักตัวในระยะยาว นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานไขมันชนิดดีต่อหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสมในช่วงที่จำกัดพลังงาน เพื่อลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและเห็นผล”

สำหรับใครที่กังวลใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1162 กด 8 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00-18.00 น. หรือ 02-657-8601 หรือ Line: @nestle.health และ Facebook: Nestle Health Science และดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3TJjIlF

และสามารถหาซื้อออปติฟาสท์ได้แล้ววันนี้ ผ่านช่องทางโรงพยาบาล ร้านขายยา Health Up (เฮลท์ อัพ) เพรียว (Pure) ไอแคร์ (Icare) ฟาร์แมกซ์ (Pharmax) และ Nestlé Health Science Official Stores ในช่องทางต่างๆ
Lazada: https://bit.ly/4bHquyx
Shopee: https://bit.ly/3ynOFnn

[Advertorial]

 

#OPTIFAST #NestleHealthScience

 

เอกสารอ้างอิง:

  1. วรรณี นิยานันท์, บรรณาธิการ. อ้วนและอ้วนลงพุง โดยเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ: บริษัท สุขุมวิทมีเดีย มาร์เก็ตติ้ง จำกัด; 2554.
  2. พญ.พัชญา บุญชยาอนันต์ และ นพ.ยงเกษม วรเศรษฐการกิจ, บรรณาธิการ. คู่มือ แนวทางการดูแลผู้ที่มีน้ำหนักเกินและอ้วน โดยเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน; 2558.
  3. Body water compartments in children: changes during growth and related changes in body composition. Pediatrics. 1961;28:169-81.

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ