โฆษกสภาทนายความชี้ คนปลอมเอกสารประกันยื่นสินไหมทดเเทนโควิด โดนคดีฉ้อโกงประกันฯโทษหนักคุกสูงสุด 5 ปี ส่วนปลอมเเปลงเอกสาร-ฉ้อฉลประกันคุกไม่เกิน 3 ปี
วันที่ 5 ก.ค.2565 จากกรณีนายกสมาคมวินาศภัย ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทประกันภัยที่เป็นสมาชิกกับสมาคมฯ ได้ตรวจสอบเอกสารการขอสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดแบบ “เจอ จ่าย จบ” พบมีการปลอมแปลงเอกสาร คือ หมายเลขประจำตัวผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดรายอื่นมาใช้เป็นหมายเลขประจำตัวผู้ป่วยของตนเอง และทำเอกสารใบรับรองผลตรวจโควิดปลอม เพื่อยื่นขอค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นจำนวนแล้วกว่า 500 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดเรื่องนี้ นายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ ในฐานะโฆษกสภาทนายความให้ความเห็นทางกฎหมายว่า การปลอมเป็นวิธีการให้ได้มาซึ่งเอกสารปลอมและนำไปใช้ ซึ่งกรณีดังกล่าวความผิดปลอมแปลงเอกสาร โดยผู้จัดทำเอกสารปลอมจะมีความผิดปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.264 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้นำเอกสารปลอมไปใช้จะมีความผิดใช้เอกสารปลอม ตาม ป.อาญา ม.268 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้ทำเอกสารปลอม ตามประเภทของเอกสารที่ใช้นั้นๆ และยังเข้าลักษณะเป็นการฉ้อฉลประกันภัย ตามมาตรา 114/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 และมาตรา 108/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดเรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีความผิดฉ้อโกงประกันวินาศภัย มาตรา 347 นำเอกสารปลอมเป็นเครื่องมือไปใช้หลอกลวง ซึ่งมีโทษหนักกว่าฉ้อโกงธรรมดา โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดจะอ้างว่าไม่เจตนา เนื่องจากโรงพยาบาลไม่ยอมตรวจโควิดและออกใบรับรองให้ไม่ได้ เพราะมีความผิดตั้งแต่คิดที่จะทำแล้ว