หากพูดถึง “วันวาเลนไทน์” ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งความรักที่คนทั่วโลกต่างร่วมเฉลิมฉลอง เชื่อว่าหลายคนคงจะคิดถึงภาพของ “คิวปิด” เทวดาตัวน้อยที่มือถือคันธนูคอยยิงลูกศรใส่ผู้คนเพื่อให้รักกัน จนทำให้คิวปิดได้รับการขนานนามว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งความรัก” ไปโดยปริยาย แต่เชื่อไหมว่าแม้แต่เทพเจ้าแห่งความรักอย่างคิวปิด ก็ยังต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรักแท้ของตัวเอง 

เรื่องราวความรักที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของคิวปิดเป็นอย่างไร Sanook ชวนเปิดตำนาน “คิวปิด” เทพเจ้าแห่งความรัก ต้อนรับวันวาเลนไทน์ 2568 

ตำนานความรักของ “คิวปิด” 

คิวปิดคือเทพเจ้ารูปงามและเป็นลูกชายของเทพีวีนัส ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพีที่สวยที่สุด” จนกระทั่งมีข่าวลือหนาหูว่าลูกสาวของกษัตริย์พระองค์หนึ่งนามว่า “ไซคี” มีรูปร่างหน้าตาสวยงามเป็นยิ่งนัก งามยิ่งกว่าเทพีวีนัสเสียอีก ทำให้ผู้คนหันไปเทิดทูนบูชาความงามของไซคีแทนการบูชาเทพีวีนัส ซึ่งนั่นทำให้เทพีวีนัสรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสั่งให้คิวปิดลูกชายใช้อิทธิฤทธิ์ความเป็นเทพไปกลั่นแกล้งนางไซคีคนนี้เสียที 

คำสั่งของเทพีวีนัสคือทำให้ไซคีตกหลุมรักสิ่งที่ชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัว แต่เมื่อคิวปิดได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของไซคี กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ตกหลุมรักหญิงงามคนนี้ บางตำนานบอกว่าคิวปิดทำลูกศรปักอกตัวเองและตกหลุมรักไซคี ทำให้แผนการของเทพีวีนัสล้มเหลว 

เมื่อพี่สาวของไซคีออกเรือนไปหมดแล้ว เหลือเพียงไซคีที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้แต่งงาน พระบิดาของไซคีจึงไปที่วิหารเทพอพอลโลเพื่อขอคำพยากรณ์ และได้คำตอบว่าชะตากรรมของไซคีคือการมีคู่ครองเป็นอสูรกาย พร้อมสั่งให้นำตัวไซคีไปปล่อยไว้บนยอดเขา เพื่อความปลอดภัยของทุกคน กษัตริย์จึงจำใจต้องนำตัวลูกสาวสุดที่รักไปอยู่บนผาสูง ไซคีร้องไห้อย่างหวาดกลัว และตอนนั้นเองที่มีสายลมมาโอบอุ้มตัวไซคีให้ล่องลอยไปสู่ดินแดนที่แสนงดงาม สถานที่นั้นมีปราสาทหลังใหญ่โต พร้อมด้วยอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และนั่นคือตำหนักของคิวปิดนั่นเอง 

ในยามค่ำคืน คิวปิดจะมาหาไซคีท่ามกลางความมืดมิด ก่อนบอกนางว่าไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แต่ไซคีก็รู้ว่าแม้มองไม่เห็นหน้าของชายหนุ่ม แต่เขาไม่มีทางเป็นอสูรกายเป็นแน่ 

ไซคีอาศัยอยู่ที่ตำหนักของคิวปิดไปเรื่อยๆ ยามค่ำคืนก็จะได้หลับนอนกับสามีในความมืดมิด ซึ่งแม้ตัวเธอจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่การไม่ได้มองเห็นคนรักของตัวเองก็เป็นเรื่องกวนใจไซคีอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ไซคีร้องขอให้คิวปิดอนุญาตให้เธอได้พบเจอหน้าพี่สาวของตัวเอง เมื่อพี่สาวได้มาเห็นความเป็นอยู่สุดแสนสบายของน้องสาวตัวเองก็เกิดความอิจฉา และพี่สาวทั้งสองคนจึงพยายามยุแยงว่าสามีของเธอเป็นอสูรกายแน่ ไม่อย่างนั้นจะปิดบังตัวเองไปทำไม พร้อมแนะนำให้ไซคีส่องตะเกียงดูหน้าสามีสักครั้ง หากเป็นอสูรกายจริงก็จะได้ฆ่าเขาเสีย 

ไซคีซึ่งเชื่อแรงยุของพี่จึงตัดสินใจใช้ตะเกียงส่องดูหน้าสามี และเธอก็ได้พบกับชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ไซคีตื่นเต้นจนทำน้ำมันตะเกียงหยดใส่สามี คิวปิดสะดุ้งตื่นและพบว่าไซคีไม่เชื่อใจเขาแถมผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขา เขาจึงเปิดเผยตัวว่าคือเทพเจ้า พร้อมกล่าวว่า “หากไม่มีความเชื่อใจกันก็ไม่สามารถรักกันได้” ก่อนที่เขาจะบินหนีไป เทพีวีนัสที่ได้รู้เรื่องก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟและสั่งขังคิวปิดเอาไว้ในตำหนัก

ไซคีรู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอจึงไปอ้อนวอนให้เทพช่วยเหลือ แต่ไม่มีเทพองค์ใดอยากผิดใจกับเทพีวีนัส จนไซคีไปอ้อนวอนเทพีวีนัสให้ช่วย เทพีวีนัสจึงได้โอกาสกลั่นแกล้งไซคีด้วยการมอบบททดสอบทีึ่มนุษย์ไม่มีทางทำได้สำเร็จ ทั้งสั่งให้แยกธัญพืชหลายชนิด ซึ่งสำเร็จได้จากการช่วยเหลือของฝูงมด สั่งให้ไซคีไปเอาขนแกะทองคำจากฝูงแกะที่ดุร้าย ครั้งนี้ไซคีได้รับความช่วยเหลือจากต้นอ้อริมน้ำ เธอจึงทำภารกิจสำเร็จ และสั่งให้ไซคีไปตัดน้ำจากแม่น้ำแห่งความตาย โดยไซคีได้รับความช่วยเหลือจากนกอินทรีมาช่วยทำภารกิจ 

เทพีวีนัสยังคงโกรธไซคีอยู่ จึงสั่งให้เธอนำกล่องลงไปยังนรกเพื่อขอความงามจากเทพีโพรเซอร์พิเน เมื่อไซคีไปถึงยมโลกและได้รับความงามจากเทพีโพรเซอร์พิเนแล้ว ไซคีก็เกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่าอะไรอยู่ในกล่องนั้น เธอจึงแอบเปิดกล่องระหว่างเดินทางกลับ แล้วไซคีก็สลบไป 

คิวปิดที่หายจากการบาดเจ็บและสามารถหนีออกจากตำหนักของแม่ได้ก็เข้ามาช่วยเหลือหญิงที่เขารัก พร้อมช่วยทำภารกิจของเทพีวีนัสให้สำเร็จ ก่อนที่คิวปิดจะไปขอร้องให้เทพจูปิเตอร์ช่วยเหลือ ซึ่งเขาก็ตอบรับคำขอและประกาศให้คิวปิดกับไซคีครองรักกัน พร้อมทำให้ไซคีกลายเป็นอมตะเหมือนเทพเจ้าทั้งปวงด้วยการดื่มน้ำทิพย์ จากนั้นทั้งคู่ก็ครองรักกันตราบนานเท่านาน