คิดว่าแม่ “ปวดฟัน” ลูกพาไปคลินิก ทรุดเจอ “มะเร็งลิ้น” ระยะสุดท้าย หมอเตือนคน 5 กลุ่มควรใส่ใจ แต่ส่วนมากไม่รู้ตัว!
ผู้ป่วยรายนี้เป็นหญิงอายุ 70 ปี อาศัยอยู่ในกรุงฮานอย มีประวัติเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและความดันโลหิตสูง อีกทั้งปัจจุบันยังมีอาการสับสนในวัยชรา ลูกสาวเล่าว่าผู้ป่วยมักบอกว่าเธอเจ็บในปาก ครอบครัวคิดว่ามีอาการปวดฟัน จึงพาไปตรวจที่สถานทันตกรรม อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจร่างกายแพทย์พบความผิดปกติที่น่าสงสัยว่าเป็น “มะเร็งลิ้น” จึงสั่งตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
นพ.เหงียน ฮอง นุง ภาควิชาทันตกรรม รพ.อี กล่าวว่า ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บปากเป็นเวลานานและการใช้ยาด้วยตนเองไม่ได้ช่วยบรรเทาอะไร จากการตรวจร่างกายพบว่าในช่องปากของผู้ป่วยมีเนื้องอกขนาดประมาณ 6 ซม. โรคแพร่กระจายไปยังด้านหลังของลิ้น โคนลิ้น และพื้นปากด้านซ้าย
อีกทั้งยังพบว่าบนพื้นผิวของเนื้องอกมีแผลพุพอง, ส่วนที่ยื่นออกมาผิดปกติ, เยื่อหุ้มเซลล์เทียมจำนวนมาก, การเคลื่อนไหวของลิ้นที่จำกัด, การแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรล่างด้านซ้าย จากการตรวจทางคลินิก และผลการทดสอบที่จำเป็น รวมทั้งการเอ็กซเรย์ แพทย์พบว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งเซลล์สความัส (SCC) เป็นมะเร็งชนิดที่พบบ่อยที่สุดในช่องปาก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งลิ้น
ดร.เหงียน ฮอง นุง ระบุว่า มะเร็งลิ้นเป็นมะเร็งในช่องปากประเภทหนึ่งที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดเกี่ยวกับสาเหตุหลักของโรคมะเร็งลิ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้มีดังนี้
- ผู้ที่มีนิสัยชอบดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นเวลานา
- ผู้ที่มีนิสัยด้านสุขอนามัยช่องปากไม่ดี
- ผู้ที่มีนิสัยการกินที่ถูกหลักอนามัย
- ผู้ที่มีนิสัยชอบออรัลเซ็กซ์ที่ไม่ปลอดภัย
- ผู้ที่มียีนมะเร็ง
ตามที่แพทย์กล่าว อาการเริ่มแรกของมะเร็งลิ้นนั้นไม่ชัดเจน และมักสับสนกับโรคในช่องปากอื่นๆ ที่พบบ่อย ดังนั้นจึงตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ยาก หลายกรณีตรวจพบในระยะหลังทำให้แพทย์รักษาผู้ป่วยได้ยาก ดังนั้น แนะนำว่าเมื่อมีอาการผิดปกติใดๆ ในลิ้น แก้ม หรือช่องปาก ควรไปสถานพยาบาลทันทีเพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ
ส่วนกรณีผู้ป่วยข้างต้น เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการสับสนและลืมตำแหน่งที่ปวด ทางครอบครัวจึงไม่คิดว่าเป็นมะเร็ง และไม่ได้พาผู้ป่วยไปตรวจให้ทันเวลา เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โรคนี้อยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว โดยมีขนาดเนื้องอกใหญ่กว่า 4 ซม. ลุกลามจากเยื่อเมือกในช่องปากไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ หลอดเลือด และระบบโดยรอบอย่างสมบูรณ์ ในการรักษาผู้ป่วยรายนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการเอาบริเวณเนื้องอกทั้งหมดและบริเวณที่เกี่ยวข้องออก จากนั้นจึงผ่าตัดปรับรูปร่างลิ้นใหม่
- หมอเตือนแล้ว! หลังมี “เซ็กซ์” ผู้ชายไม่ควรรีบทำ 3 สิ่ง รวมทั้งเข้าห้องน้ำ อันตรายกว่าที่คิด
- เอะใจคืนเข้าหอ เจ้าสาวอาบน้ำซ้ำ 10 ครั้ง รู้เหตุผลเรื่อง “แฟนเก่า” สามีร้องอยากหย่าทันที!!!