คำผกา ลั่นต้องปฏิรูประบบราชการ ปม ‘ปราบต์ปฎล’ แฉถูกตบทรัพย์คดี Forex ชี้ระบบตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กึ่งมาเฟียคุ้มครองแลกค่าตอบแทน
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 7 มี.ค. 2566 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “ปราปต์ปฎล แฉขบวนการตบทรัพย์ แลก ค่าความยุติธรรม ปม Forex”
คำ ผกา กล่าวว่า เราไม่เซอร์ไพรส์กับเรื่องทั้งหมดที่ได้ฟัง ความหวั่นใจของตนคือการนั่งอ่านข่าวพวกนี้เหมือนฟังนิยาย แล้วเราด้านชาหรือมีความรู้สึกชา เหมือนเอามีดมากรีดที่แขนแล้วไม่รู้สึกเจ็บ ความรู้สึกคนไทยทุกวันที่ได้อ่านข่าวการรีดไถ การคอรัปชั่น ตำรวจเอาถุงดำคลุมหัวผู้ต้องสงสัย ซ้อมทรมาน หรือมีเรื่องแบบที่ปราปต์ปฎลพูด แล้วเราก็รู้สึกเฉยๆ
คำ ผกา กล่าวต่อว่า สำหรับกู๋กี๋ อดีตภรรยาของซีอีโอ Forex 3D ปัจจุบันมาเป็นแฟนของปราปต์ปฎล เราต้องขึ้นกระดานว่า เขาเป็นแฟนกันปีไหน เลิกกันปีไหน ปีที่เขาเลิกกันมีเอกสารหรือไม่ สมมติว่าเขาหย่าร้าง แล้วตำรวจ ดีเอสไอ หรือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม พิจารณาว่าคนๆ นี้อยู่ในกลุ่มที่มีความผิดหรือไม่มีความผิด
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ถ้าคนๆ นี้มีความผิด แล้วเขาไปแต่งงานหรือเป็นแฟนกับปราปต์ปฎล เขามีความเชื่อมโยงกันในเรื่องธุรกรรมและทรัพย์สินต่อกันอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ใช่ในฐานะสามีและภรรยาตามกฎหมาย แล้วเพราะเหตุใดคุณปราปต์ปฎลซึ่งเป็นแค่แฟนใหม่ จึงต้องโดนแขวนจากความพัวพันในคดีนี้จนสร้างผลกระทบต่อหน้าที่การงาน
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ส่วนที่เพื่อนสาวประเภทสองคนนั้นมาบุกค้นเอาทรัพย์สินของกู๋กี๋ไปเพราะแค้นที่ตัวเองโดนโกง ก็ต้องแยกคดีนี้เป็นคดีบุกรุกและลักทรัพย์ ส่วนกู๋กี๋ก็โดนจับข้อหาฉ้อโกง ซึ่งเป็นคนละคดีกัน คำถามคือเจ้าหน้าที่เคลียร์คดีนั้นหรือยัง ไม่ใช่ว่าเขาโดนโกงแล้วไปงัดห้องขโมยของก็ไม่ต้องมีความผิด
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ถ้าเคลียร์เรื่องลักทรัพย์ให้จบ จะไม่มีการเคลื่อนย้ายรถซูเปอร์คาร์ ตนรู้สึกว่าเรื่องเคลื่อนย้ายรถซูเปอร์คาร์ทะแม่งๆ เพราะไม่เป็นเหตุเป็นผล การงัดห้องลักทรัพย์กับการขับซูเปอร์คาร์ของคนอื่นหนีไป ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันได้
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ฉะนั้น จะบอกว่าการย้ายรถซูเปอร์คาร์ เพราะห้องโดนงัดขโมยของจากคนที่แค้นเรื่องแฟนของตัวเองไปโกงเงินเขา อันนี้ตนไม่ซื้อ ต้องย้อนกลับไปว่า คุณปราปต์ปฎลและแฟนมีส่วนพัวพันที่จะโดนดำเนินคดีเรื่อง Forex 3D กี่เปอร์เซ็นต์
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการพยายามล็อบบี้เคลียร์คดีกันหลังฉาก ต้องเคลียร์ว่านัดกันจริงหรือไม่ มีการเรียกเงินหลักสิบล้านกันจริงหรือไม่ ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ แต่ใครมีหลักฐานคนนั้นชนะ ซึ่งการนัดคุยกันหรือนัดกินข้าว ใครก็นัดกันได้
คำ ผกา กล่าวต่อว่า ต้องดูว่านัดคุยหรือปรึกษากันเฉยๆ แต่ถ้านัดคุยเรื่องเรียกตบทรัพย์ ต้องเอาหลักฐานมายันกันแล้ว เช่น คุณได้อัดคลิปเสียงไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีหลักฐานก็ยาก เพราะคุณไม่ได้จ่าย ถ้าเขาเรียกแล้วคุณจ่าย อันนี้ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่อันนี้ไม่จ่าย แล้วมีข้อสมมติฐานว่าเป็นเพราะไม่จ่ายหรือไม่ ถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิต แล้วจะพิสูจน์กันอย่างไร
คำ ผกา กล่าวอีกว่า คดีที่ไม่เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพล กระบวนการยุติธรรมจะดำเนินไปตามปกติ แต่เผอิญว่ามาเกี่ยวข้องกับตำรวจ เราทุกคนรู้ว่าพอเอ่ยเรื่องตำรวจปุ๊บ ไม่มีเลยที่จะไม่มีปัญหา โดยองคาพยพของตำรวจทั้งหมด ปัญหาเรื่องแบบนี้กลายเป็นปกติไปแล้ว เพราะบทบาทตำรวจถูกออกแบบมาให้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และเป็นกึ่งมาเฟียผู้คุ้มครองแลกกับค่าตอบแทน
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปัจเจกบุคคล จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเป็นระบบกินตามน้ำ ต่อให้เป็นตำรวจดีมาก ไม่เคยรีดไถใครเลย แต่น้ำมันไหลผ่านคุณอยู่ดี คุณก็เปียกเหมือนกัน แม้คุณจะไม่เคยเรียก แต่ในเส้นทางนั้นคุณต้องรับ เพราะคุณเป็นทางผ่าน ถ้าคุณไม่รับ มันก็ไปต่อไม่ได้ เพราะคนที่จะรับต่อจากคุณ เขารออยู่ คุณมีหน้าที่ดึงไว้ส่วนหนึ่ง แล้วส่งที่เหลือต่อไป เพื่อให้ระบบมันเดินต่อได้ ลำพังคนหนึ่งคนไม่สามารถเป็นอุปสรรคการเดินทางของกระบวนการกินตามน้ำที่ถูกเซ็ตจนเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานองค์กรนี้ไปแล้ว”
คำ ผกา กล่าวอีกว่า การทำงานของตำรวจทุกคนรู้ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนอกวงการและในวงการ ยากที่จะปฏิเสธ เมื่อโดนจี้ถามก็จะทำเป็นพูดเรื่องอื่น พอเราอยู่ในระดับที่รู้จักกับตำรวจเป็นรายบุคคล ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจะเจอตำรวจที่น่ารักมาก หรือบางทีโดนตำรวจเรียกตามถนน ก็เจอตำรวจที่สุภาพ ตั้งใจทำงาน แล้วตำรวจคนเดียวกันที่สุภาพ ตั้งใจทำงาน มีความเห็นอกเห็นใจคนที่ลำบาก ก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบตามน้ำ มือข้างหนึ่งก็ดูแลคน มืออีกข้างหนึ่งก็ต้องอยู่กับระบบที่ฉ้อฉล เพราะระบบที่ฉ้อฉลถูกฝังเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
คำ ผกา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้กลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว มีกระบวนการทำให้เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ได้ผิด แม้ว่าการกระทำนั้นจะผิด แต่เมื่อเป็นสิ่งที่ทุกคนทำ มันจะกลายเป็นประเพณีและเป็นวิถี เมื่อคนส่วนใหญ่ทำ แม้ว่าจะผิด แต่ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ถ้าไม่ทำก็อยู่ไม่ได้ แล้วถ้าไม่ทำเลยก็อย่าทำตัวเป็นอุปสรรค ตำรวจดีๆ ส่วนใหญ่ก็จะจำกัดตัวเองไว้ว่าจะไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคต่อประเพณีนี้ขององค์กร
คำ ผกา กล่าวอีกว่า ถามว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร มันต้องยกเครื่องทั้งหมด ต้องแก้เชิงโครงสร้างตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ต้องมีการผ่าตัดประเทศครั้งใหญ่ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก เอาประชาธิปไตย เลือกตั้ง ค่อยๆ กระจายอำนาจ แล้วทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรู้สึกภูมิใจในฐานะประชาชนเจ้าของประเทศ เสียงเขาค่อยๆ ดังขึ้น มีอำนาจต่อรองมากขึ้น เกิดความเชื่อมั่นขึ้นในหลายจุด
คำ ผกา กล่าวต่อว่า เมื่อถึงวันหนึ่งเราพูดถึงการกระจายอำนาจหรือการปฏิรูประบบราชการ คนจะจินตนาการว่ามันเป็นไปได้ คำตอบของการปฏิรูปตำรวจ หรือการปฏิรูประบบราชการ คือคุณต้องลดอำนาจของรัฐส่วนกลาง แล้วกระจายอำนาจหน่วยงานต่างๆ ไปอยู่ภายใต้หน่วยงานในท้องถิ่น เช่น โรงเรียน ตำรวจ ดับเพลิง ไปสังกัดเทศบาลหรือจังหวัด แล้วส่วนกลางดูแลแค่เรื่องนโยบาย แต่เรื่องการปฏิบัติให้อยู่ในการดูแลของหน่วยการปกครองที่เล็กลง เพื่อจะตรวจสอบได้ใกล้ชิดขึ้น ประชาชนร้องเรียนได้ใกล้ขึ้น เราจะหาคนรับผิดชอบได้ในวงที่แคบลง จากนั้นจัดทำระบบเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ให้เป็นสาธารณะ จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นทีละเล็กละน้อย
