คำผกา ชี้ปลัดคลังได้รางวัลกรมศุลฯ 5.6 ล้าน ต้องเข้ารัฐ มึนเบี้ยประชุมอีก 9.8 ล้าน

Home » คำผกา ชี้ปลัดคลังได้รางวัลกรมศุลฯ 5.6 ล้าน ต้องเข้ารัฐ มึนเบี้ยประชุมอีก 9.8 ล้าน



คำผกา ชี้ปลัดคลังได้รางวัลกรมศุลฯ 5.6 ล้านบาท ลั่นถือเป็นส่วย ของหนีภาษีมีความผิดต่อแผ่นดิน เงินต้องเข้ารัฐ มึนเบี้ยประชุมอีก 9.8 ล้านบาท

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 19 ส.ค. 2565 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “อึ้ง! พม.ของบอบรมวางช้อน ใครว่าขรก.ไม่รวย”

อั๋น กล่าวว่า อีกประเด็นที่กำลังเป็นคำถามของสังคม เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กรณียื่นทุก 3 ปีตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

โดยนายกฤษฎาแจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 64,379,887 บาท แต่ที่ถูกตั้งคำถามเยอะมาก คือในส่วนของรายได้ต่อปี 18,426,021 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน 1,943,627 บาท เงินประจำตำแหน่ง 252,000 บาท ค่าตอบแทน 252,000 บาท ค่าตอบแทนรถประจำตำแหน่ง 492,000 บาท ที่น่าสนใจของรายได้คือ เบี้ยประชุม 9,807,014 บาท และเงินรางวัลกรมศุลกากร 5,679,379 บาท

คำ ผกา กล่าวว่า ธรรมเนียมว่าข้าราชการควรมีรถประจำตำแหน่ง หรือมีเงินสนับสนุนค่ายานพาหนะ ควรจะยกเลิกได้แล้ว ไม่จำเป็นก็ไม่ควรจะใช้รถที่หรูหราฟุ่มเฟือย ไม่มีปัญญามีรถก็นั่งรถเมล์ นั่งรถไฟฟ้าให้เหมือนชาวบ้าน แต่ถ้าต้องมีงานเจรจาการเมืองก็มีรถตู้ของกระทรวงไป ซึ่งมีคนขับรถ นี่เป็นวัฒนธรรมเจ้าขุนมูลนายที่ต้องยกเลิก

คำ ผกา กล่าวต่อว่า ส่วนเบี้ยประชุม 9 ล้านบาท คือประเทศไทยจะตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาเฉพาะกิจเยอะมาก อย่างศูนย์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่จะมีปลัดกระทรวง รมต.คลัง รมต.ต่างๆ แล้วปลัดกระทรวงก็จะไปนั่งอยู่ในทุกศูนย์ที่ตั้งมาใหม่ เวลามีประชุมหลายที่ ก็ใช้รถประจำตำแหน่ง แล้วประชุมกี่ครั้ง ประชุมกี่งาน จึงสะสมออกมาเป็นเบี้ยประชุมเดือนละหลายแสน กระทั่งรวมเป็น 9 ล้านบาท เงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น ทำไมต้องประชุมเยอะขนาดนั้น แล้วการประชุมไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการทำงานที่คุณได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนอยู่แล้วหรือ แล้วจะมีเบี้ยประชุมเพิ่มมาอีกทำไม

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ส่วนเงินรางวัลกรมศุลกากร ถ้าคุณจะไปจับรถหนีภาษี เงินมันควรไปเข้าคลังแผ่นดิน ไม่ใช่มอบให้เป็นรางวัลนำจับ นี่ไม่ใช่ระบบบริหารราชการของโลกสมัยใหม่ ทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นระบบศักดินา ระบบเจ้าขุนมูลนาย ซึ่งมีระบบเก็บส่วย ใครมีอำนาจมากก็จะเป็นผู้มีความชอบธรรมในการได้สัดส่วนของส่วยมากที่สุด

“ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ตราบใดที่เรามีนายกรัฐมนตรีที่เป็นอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร เราจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ในเมื่อนายกรัฐมนตรีปัจจุบันคือคนคนเดียวกันกับหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ยึดอำนานของรัฐบาลพลเรือนแล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง อยู่ในอำนาจมา 4-5 ปี จนอำนวยการเขียนรัฐธรรมนูญออกแบบระบบการเลือกตั้ง ใส่คำถามพ่วงจนทำให้มี ส.ว.สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดึงเอา พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ อีกเป็นสมัยที่ 2 แล้วอ้างว่าตัวเองเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง”

“องคาพยพทั้งหมดนี้เป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย แบบก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ทุกคนอยากมีอำนาจ เพราะอำนาจนำมาซึ่งการเรียกค่าคุ้มครอง การเก็บส่วยต่างๆ แล้วเงินที่ได้มาจากการยึดของหนีภาษีต่างๆ มันคือส่วย ไม่ใช่เงินรางวัล แล้วถูกทำให้ถูกกฎหมาย เพราะเขียนกฎหมายมารองรับการกระทำของเขาไม่ให้มีความผิด”

คำ ผกา กล่าวต่อว่า กฎหมายทุกอย่างหลังการรัฐประหารเป็นสิ่งที่นักนิติศาสตร์บางคนเรียกว่า นิติศาสตร์ล้นเกิน บอกว่า “ผมทำทุกอย่างตามกฎหมาย เพราะเขียนกฎหมายที่ผมทำทุกอย่างให้มันถูก” แต่ถามว่ามันถูกหรือ ของหนีภาษีมา มีความผิดต่อแผ่นดิน เงินต้องเข้าแผ่นดินไม่ใช่เข้าปลัดกระทรวง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ