การปรับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคไทยสร้างไทยแหลมคม
เป็นความแหลมคมที่แทบไม่น่าเชื่อว่า ต่างฝ่ายต่างแสดงความแข็งกร้าว หมางเมินและเอาคืนกันอย่างชนิด เม็ดต่อเม็ด คำต่อคำ
เหมือนไม่เคยกินน้ำร่วมท่า กินปลาร่วมหนองกันมาก่อน
หากมองจากเหตุผลและข้ออ้างของพรรคเพื่อไทยก็น่าเห็นใจ ขณะเดียวกัน หากมองจากเหตุผลและคำอธิบายจากพรรคไทยสร้างไทยก็น่าเห็นใจ
ถามว่าอะไรคือเหตุปัจจัยที่นำไปสู่ความขัดแย้ง
เมื่อใดที่มองจากจุดเริ่มต้นและตัวบุคคล เมื่อนั้นก็จะสัมผัสได้ในความผิดปกติ
ในเมื่อพรรคเพื่อไทยมีรากฐานมาจากพรรคพลังประชาชน มีรากฐานมาจากพรรคไทยรักไทยแล้วเหตุใดจึงต้องรุนแรงกับพรรคไทยสร้างไทยถึงระดับนั้น
ในเมื่อคนของพรรคไทยสร้างไทยก็เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน
แย้งจากพรรคเพื่อไทยที่ว่าคนของพรรคไทยสร้างไทยมีการปล่อยข่าวให้ร้ายบ้านเก่า ขณะที่คนของพรรคไทยสร้างไทยก็ปฏิเสธว่าไม่เคยทำอย่างนั้น
ยิ่งทำให้เห็นว่าภายใน “ความสัมพันธ์” น่าจะมี “ปัญหา” ดำรงอยู่
ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ถ้อยตัดพ้อต่อว่าอันมาจากคนของพรรคไทยสร้างไทย
เป็นคำตัดพ้อต่อว่าที่ประเมินว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่อยู่ในสถานะอันเป็น “ผู้นำ” เหตุใดจึงโหดร้ายต่อการก่อร่างสร้างตัวของพรรคไทยสร้างไทยถึงขนาดนี้
เท่ากับเป็นการเข่นฆ่าและไม่ยอมให้เติบใหญ่
ในอีกด้านจึงเท่ากับเป็นการถามด้วยว่า แล้วพรรคเพื่อไทยจะดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นหัวขบวนของพรรคฝ่าย “ประชาธิปไตย” ได้อย่างไร
หรือเมื่อ “แลนด์สไลด์” แล้วก็เท่ากับไม่ต้องพึ่งพรรคอื่น
คําถามจากพรรคไทยสร้างไทยกระตุก “ต่อม” ทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยอย่างแหลมคม
พรรคเพื่อไทยเคยมีบทเรียนครั้งที่พรรคไทยรักไทยได้ 377 เสียงมาแล้วและจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ร่วมกับใคร
ในที่สุดก็นำไปสู่รัฐประหารเดือนกันยายน 2549