ควีนเดนมาร์ก ทรง “ขอโทษ” ถอดยศเจ้าชาย-เจ้าหญิงของหลาน 4 พระองค์

วันที่ 4 ต.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก พระชนมพรรษา 82 พรรษา ทรงขอโทษหลังทรงถอดพระยศของพระราชนัดดา 4 พระองค์ใน 8 พระองค์ อย่างไรก็ตาม พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนการตัดสินพระทัยดังกล่าว

ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลัง ควีนเดนมาร์ก ซึ่งเพิ่งทรงฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ย. ว่า พระราชนัดดาผู้ทรงพระเยาว์ 4 พระองค์ในเจ้าชายโจอาคิม พระราชโอรสองค์สุดท้อง จะไม่ได้ทรงดำรงพระยศเจ้าชายและเจ้าหญิงอีกต่อไปตั้งแต่ปีหน้า

อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังเดนมาร์กระบุว่า ทั้งสี่พระองค์จะทรงสามารถทรงใช้พระยศเคานต์หรือเคาน์เตสแห่งมงเปอซา (counts and countess of Monpezat) ได้และจะได้รับการยกย่องในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งชั้นสูง

เฮลเล ฟอน วิลเดนรัธ เลอว์เกรน เลขาธิการของอเล็กซานดรา เคาน์เตสเฟรเดอริกส์บอร์ก อดีตพระชายาในเจ้าชายโจอาคิม กล่าวกับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ย. ว่า เจ้าชายโจอาคิมและลูกของพระองค์ทรงเศร้าและตกพระทัยกับการตัดสินพระทัยในควีนมาร์เกรเธอที่ทรงมองเป็นการพิสูจน์อนาคตที่จำเป็นของสถาบันกษัตริย์ ตามพระราชดำรัสในควีนมาร์เกรเธอที่ราชวงศ์เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ก.ย.

“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างมากต่อการตัดสินใจของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการใช้พระยศในอนาคตสำหรับลูกทั้งสี่พระองค์ของเจ้าชายโจอาคิม แน่นอนว่าสิ่งนั้นส่งผลต่อข้าพเจ้า การตัดสินใจของข้าพเจ้ามีมานานแล้ว และด้วย 50 ปีแห่งการครองบัลลังก์ของข้าพเจ้า เป็นเรื่องปกติที่จะมองย้อนกลับไปและมองไปข้างหน้า เป็นหน้าที่และความปรารถนาของข้าพเจ้าในฐานะราชินีที่จะต้องรักษาสถาบันกษัตริย์ตามยุคสมัยเสมอ บางครั้ง นี่หมายถึงการต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก และมักเป็นเรื่องยากที่จะหาช่วงเวลาที่เหมาะสม” ควีนมาร์เกรเธอทรงระบุในแถลงการณ์

ควีนมาร์เกรเธอทรงระบุถึงการปรับตัวให้ราชวงศ์รุ่นเยาว์ดำเนินชีวิตอย่างปกติมากขึ้น เช่นเดียวกับราชวงศ์อื่นๆ ที่ตัดสินใจลดขนาดสถาบันกษัตริย์ลง

“การดำรงพระยศเกี่ยวข้องกับภาระผูกพันและหน้าที่หลายประการซึ่งในอนาคตจะตกอยู่กับสมาชิกราชวงศ์จำนวนน้อยลง” ควีนมาร์เกรเธอทรงระบุในแถลงการณ์

ทั้งนี้ เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารเดนมาร์ก พระราชโอรสองค์โต ทรงอยู่ในลำดับที่หนึ่งในการสืบราชสันตติวงศ์เดนมาร์ก โดยเจ้าชายคริสเตียน พระราชโอรสองค์โตในเจ้าชายเฟรเดอริก ทรงอยู่ในลำดับที่สอง และลูกทั้งสี่พระองค์ทรงดำรงพระยศเจ้าชายและเจ้าหญิง

ขณะที่เจ้าชายโจอาคิม พระอนุชาในเจ้าชายเฟรเดอริก ทรงใช้ชีวิตในกรุงปารีสของฝรั่งเศส กับเจ้าหญิงมารี พระชายา และลูก 2 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายเฮนริก พระชันษา 13 ปี และเจ้าหญิงอาเธนา พระชันษา 10 ปี นอกจากนี้ เจ้าชายโจอาคิมทรงมีพระโอรสองค์โต 2 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายนิโคไล พระชันษา 23 ปี และเจ้าชายเฟลิกซ์ พระชันษา 20 ปี จากอเล็กซานดรา เคาน์เตสเฟรเดอริกส์บอร์ก พระชายาพระองค์แรก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูกทั้งสี่พระองค์ของเจ้าชายโจอาคิมจะสูญเสียพระยศ แต่จะทรงอยู่ในลำดับในการสืบราชสันตติวงศ์เดนมาร์กต่อไป

“ข้าพเจ้าตัดสินใจในฐานะราชินี แม่ และยาย แต่ในฐานะแม่และยาย ข้าพเจ้าประเมินน้อยเกินไปว่าลูกชายคนเล็กและครอบครัวรู้สึกได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด นั่นสร้างความฝังใจครั้งใหญ่ และข้าพเจ้าขอโทษสำหรับเรื่องนั้น ไม่ควรมีใครสงสัยเลยว่า ลูกๆ ลูกสะใภ้ และหลานๆ ของข้าพเจ้าคือความปิติยินดีและความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า ตอนนี้ข้าพเจ้าหวังว่า เราในฐานะครอบครัวจะพบความสงบสุขเพื่อหาทางผ่านสถานการณ์เช่นนี้” สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอร์ที่ 2 ทรงระบุในแถลงการณ์