ความลับที่ CIA ซ่อนเร้นมา 50 ปี! หนังสือทำนายวันสิ้นโลกอันน่าสะพรึงกลัว “ไฟใต้ดิน น้ำ และภัยพิบัติ” 3 สิ่งจะเกิดพร้อมกันบนโลก
หนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกเก็บเป็นความลับโดย CIA กว่า 50 ปี ชื่อว่า “The Adam and Eve Story” ได้รับการเปิดเผยบางส่วนในปี 2013 และเผยทฤษฎีที่น่าตกใจเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ผู้เขียน ชาน โทมัส (Chan Thomas) อ้างว่า โลกจะประสบกับภัยพิบัติทำลายล้างทุก 6,500 ปี เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ซึ่งจะเชื่อมโยงกับหลักฐานทางธรณีวิทยาและโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในคัมภีร์ไบเบิล
ตามรายงานของ Daily Mail โทมัสกล่าวในหนังสือของเขาว่า เขาคิดว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่ครั้งถัดไป “จะมาถึงในไม่ช้า” เมื่อถึงเวลานั้น สนามแม่เหล็กของโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างของเปลือกโลกและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลก จนทำให้โลกตกอยู่ใน “สถานการณ์วันสิ้นโลก”
เขาบรรยายว่า เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง ลมพายุที่มีพลังมหาศาลจะพัดถล่มแคลิฟอร์เนีย ทำให้ภูเขาสั่นไหวราวกับเฟิร์นในลมเบา ๆ มหาสมุทรแปซิฟิกจะเกิดสึนามิสูงกว่า 2 ไมล์ และในเวลาเพียงวันเดียวจะกลืนกินลอสแอนเจลิส, ซานฟรานซิสโก, ชิคาโก และนิวยอร์ก กำจัดร่องรอยของอารยธรรมทั้งหมด
ชาน โทมัส กล่าวว่า หลังจากเกิดสึนามิ ทวีปอเมริกาเหนือจะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้พื้นดินแตกออกเป็นรอยแยกใหญ่และลาวาจะไหลออกมาจากผิวดิน อย่างไรก็ตาม อเมริกาเหนือไม่ใช่ที่เดียวที่จะได้รับผลกระทบ แต่ทุกทวีปจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติครั้งนี้ได้ ทุกทวีปจะประสบกับจุดจบที่แตกต่างกันไป
เขาอธิบายว่า อ่าวเบงกอลทางตะวันออกของอินเดียจะถูกผลักไปยังตำแหน่งปัจจุบันของขั้วโลกเหนือ ขณะที่มหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของเปรูจะถูกผลักไปยังขั้วโลกใต้ และเกาะกรีนแลนด์กับทวีปแอนตาร์กติกาจะถูกย้ายไปที่เส้นศูนย์สูตร ทำให้หมวกน้ำแข็งของพวกมันละลายอย่างรวดเร็วในความร้อนของเขตร้อน
ตามที่ ชาน โทมัส กล่าว ภัยพิบัติที่น่ากลัวจะสิ้นสุดในวันที่ 7 แต่โลกทั้งใบในเวลานั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แม้ว่า ชาน โทมัส จะพรรณนาภาพของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการปรับโครงสร้างของเปลือกโลกว่าเป็นฉากที่ทำลายอารยธรรม
แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าโลกจะเผชิญกับภัยพิบัติดังกล่าว เพราะแม้การกลับขั้วของแม่เหล็กโลกอาจเกิดขึ้นได้ แต่กระบวนการนั้นจะเป็นไปอย่างช้า ๆ และไม่ทำให้เกิดการทำลายล้างอย่างที่ ชาน โทมัส ได้อธิบายไว้
มาร์ติน มลินซ์ซัค นักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซา (NASA) เน้นย้ำว่า ข้อกล่าวของ ชาน โทมัส ขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพราะไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า สนามแม่เหล็กของโลกเคยหรือจะเกิดการหมุน 90 องศาตามที่เขากล่าว
นอกจากนี้ ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กจะมีความสัมพันธ์กับสภาพอากาศ ตามข้อมูลของนาซา สนามแม่เหล็กของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง และเคยเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งในประวัติศาสตร์ แต่การกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเกิดขึ้นทุก ๆ 300,000 ปี
และที่สำคัญมันไม่ก่อให้เกิดภัยพิบัติทั่วโลก แม้ว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ สนามแม่เหล็กอาจจะอ่อนลง แต่ก็จะไม่หายไปทั้งหมด โลกยังคงได้รับการปกป้องจากชั้นบรรยากาศและสนามแม่เหล็ก
รายงานระบุว่า ชาน โทมัส เคยเป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และเคยมีส่วนร่วมในการศึกษายานบินที่ไม่สามารถอธิบายได้ (UFO) รวมถึงโครงการลับต่าง ๆ เขายังอ้างตัวว่าเป็นหมอดู แต่ความเชื่อมโยงโดยตรงกับ CIA ยังไม่มีการยืนยัน
Daily Mail
หนังสือเล่มนี้ของ ชาน โทมัส มีต้นฉบับมากกว่า 200 หน้า ขณะนี้ได้ถูกเปิดเผยเพียง 55 หน้า ส่วนที่เหลือยังคงเป็นความลับสูงสุด แม้ว่าสาเหตุที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ถูกจัดเป็นความลับยังไม่ชัดเจน แต่บางคนเชื่อว่า CIA อาจกังวลว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสาธารณะ หรืออาจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยลับของรัฐบาล จึงยังไม่เปิดเผยเนื้อหา
ทั้งนี้ นักวิชาการเน้นย้ำว่า ทฤษฎีวันสิ้นโลกอาจน่าสนใจ แต่ควรยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น