ความรู้ช่วงน้ำท่วม “รถยนต์” จมน้ำนาน ควรทำอย่างไร ให้ใช้ได้อีกครั้ง

Home » ความรู้ช่วงน้ำท่วม “รถยนต์” จมน้ำนาน ควรทำอย่างไร ให้ใช้ได้อีกครั้ง

น้ำท่วมรถยนต์ทำไงดี

ผู้ขับรถควรรู้ หน้าฝนแบบนี้หาก น้ำท่วม รถยนต์ ควรปฏิบัติอย่างไรเมื่อน้ำลด ให้ปลอดภัย กลับมาวิ่งได้เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง

จากสถานการณ์ที่ตอนนี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น พายุยางิ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมานั้น ก็ส่งผลให้ประเทศไทยประสบอุทกภัยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ที่น้ำป่าไหลหลากซัดเข้าบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว

เชื่อว่าหน้าฝนปีนี้สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงกว่าทุกปี น้ำท่วมสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้บางคนตั้งตัวไม่ทัน โดยเฉพาะรถยนต์ที่หลาย ๆ คนขับหนีน้ำไม่ทันทำให้ต้องจอดอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน และคำถามที่ตามมานั้นก็คือ แล้วเวลาน้ำลดลงแล้วหละ จะทำอย่างไรดี? วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกท่านค่ะ

สำหรับรถยนต์ที่โดนน้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะที่นั่ง การที่ล้อและอุปกรณ์ช่วงล่างต่าง ๆ ถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถได้นะครับ รวมถึงระบบเบรกของทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรกก็ควรทำการตรวจเช็คให้เรียบร้อย ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบไดสตาร์ทว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด สำหรับไดสตาร์ทได้ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานแต่เมื่อได้รับความเสียหายจากน้ำเข้าก็สามารถก่อปัญหาแก้รถในระยะยาวได้

นอกจากนี้หากพื้นพรมที่รถเกิดเปียกชื้นแสดงว่าน้ำได้มีการซึมเข้ามาภายในรถ ให้ทำการถอดพรมออกไปซักและตากแดดให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับชื้นนะครับ และอย่าลืมล้างภายนอกรถให้สะอาดด้วยนะโดยเฉพาะใต้ท้องรถหรือตามซุ้มล้อต่างๆ เพื่อล้างคราบโคลนสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ภายใต้ท้องรถ

น้ำท่วมเชียงราย-2-min-1536x1152
  • อย่าชะล่าใจ!! อาการคันเท้า หลังจากลุยน้ำ อาจเป็น “โรคน้ำกัดเท้า”
  • เช็คด่วน! 8 วิธี ดูแลสัตว์เลี้ยงยังไงให้ ปลอดภัย จากน้ำท่วม ทั้งคน และสัตว์
  • แอพดีบอกต่อ! Google Flood Hub เช็คเสี่ยงน้ำท่วมได้ล่วงหน้า 7 วัน

สำหรับรถยนต์ที่โดนน้ำท่วมถึงระดับน้ำท่วมเข้าถึงเบาะนั่ง จะสร้างความเสียหายให้กับห้องเครื่องยนต์ กล่อง ECU แบตเตอรี่ พัดลมระบายความร้อน เครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง ระบบเกียร์ น้ำมันเกียร์ ขั้วสายไฟต่างๆ พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ไฟหน้า และไฟท้าย เบาะนั่ง แผงวงจรประตู สวิตช์แผงประตู และระบบเซ็นทรัลล็อก ชุดตู้แอร์ และห้องสัมภาระ

เมื่อน้ำลดลงแล้วสิ่งแรกที่ห้ามทำเลยนั้นก็คือ ห้ามสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาด เพราะระดับความสูงของน้ำจะสร้างความเสียหายภายในห้องเครื่องยนต์ ดังนั้นควรถอดแบตเตอรี่ออกในทันทีนะครับ พร้อมกับตรวจสอบอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างเช่น พัดลมระบายความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการถ่ายเทความร้อนของห้องเครื่องหรือกล่อง ECU ที่เป็นเสมือนสมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์ และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือระบบเกียร์ ระบบของเหลว ระบบหล่อลื่นต่าง ๆ ของรถ และควรทำการไล่ความชื้นออกจากตัวรถ

สำหรับรถยนต์ที่โดนน้ำท่วมถึงระดับน้ำท่วมถึงคอนโซลหน้าหรือมิดหลังคา เมื่อน้ำลดแล้ว ห้ามสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างมากและระบบไฟฟ้าอาจเกิดลัดวงจรได้นะครับ ให้ทำการรีบถอดแบตเตอรี่ออกในทันทีเลยนะครับ และหากพบว่ามีน้ำเข้าไปควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ จากนั้นให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจเช็คของเหลวภายในรถอย่างเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็นหรือสารหล่อลื่นอย่างจาระบี และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่แผงหน้าปัดและคอนโซลจะต้องถอดมาทำความสะอาดและเป่าให้แห้งทั้งหมด

car-repair-maintenance-theme-mechanic-uniform-working-auto-service-min

อย่างไรก็ตามเมื่อรถของคุณโดนน้ำท่วม ควรถ่ายรูปสภาพรถไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเช็กสภาพรถและประเมินความเสียหาย

ติดต่อบริการลากรถเพื่อนำรถไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่มีประสบการณ์ในการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วม อย่าพยายามเคลื่อนย้ายรถเองถ้าไม่มีความจำเป็น และให้ช่างที่ชำนาญการตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของรถ เช่น เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบไฟฟ้า ระบบเบรก ระบบระบายความร้อน และ ระบบแอร์อย่างละเอียด ตรวจดูว่ามีน้ำเข้าถึงส่วนใดบ้าง

เมื่อซ้อมเสร็จแล้วควรทดลองขับรถในพื้นที่ที่ปลอดภัย ตรวจสอบการทำงานของระบบต่าง ๆ หากพบปัญหาเพิ่มเติม ควรแจ้งกลับไปที่ศูนย์ซ่อมทันที

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ