หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พาสัตวแพทย์ ตำรวจ พฐ. ร่วมตรวจสอบซากช้างป่าล้มอยู่ป่าบ้านโป่งปัด เมืองกาญจนบุรี มีบาดแผลถูกของมีคมเฉือนเปิดทุบกรามเอางาไป เจอโดนยิงด้วยลูกซองเบอร์ 12
จากกรณีพบซากช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 30 ปี ตายอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ท้องที่ป่าบ้านโป่งปัด หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สภาพมีบาดแผลถูกของมีคมเฉือนเปิดและทุบกรามนำเอางาช้างไป
ล่าสุดเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 ก.ค.2565 นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พร้อมด้วย พ.ต.ท.มณิภัทร์ เพ็งเกร็ด สว.(สอบสวน) สภ.ลาดหญ้า นายสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจป่าไม้ รวมทั้งกำนันตำบลช่องสะเดา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเข้าตรวจสอบซากช้างป่า
โดยนำเครื่องตรวจจับโลหะ ตรวจตามร่างกายช้างป่า ปรากฏว่ามีสัญญาณโลหะดังขึ้น 5 จุด จุดแรกบริเวณโหนกขาหน้าขวา จุดที่สองและสามชายโครงด้านขวา จุดที่สี่ต้นขาขวาด้านหลัง และจุดที่ห้าเหนือเข่าหลังด้านขวา จากนั้นคณะสัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์ พบหัวตะกั่วปืนลูกซอง เบอร์ 12 ฝังอยู่ใต้ผิวหนังลึกทั้ง 5 จุด จึงรวบรวมเก็บเป็นหลักฐาน พร้อมเก็บกระดูกและเนื้อเยื่อไปตรวจดีเอ็นเอหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าหัวกระสุนที่ถูกยิงฝังอยู่ใต้ผิวหนังไม่ใช่สาเหตุการตาย
นายไพฑูรย์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าหากยิงช้างป่าเพื่อจะเอางานั้นจะต้องใช้อาวุธปืนที่มีอานุภาพรุนแรงกว่านี้ และต้องยิงเข้าจุดสำคัญเพื่อใช้ช้างตายในทันที โดยอาวุธปืนที่ยิงเข้าตามร่างกายช้างป่าที่พบ ตนเชื่อว่าไม่สามารถทำให้ช้างป่าตายได้ในทันที เนื่องจากหัวกระสุนที่ฝังอยู่ไม่ถูกอวัยวะสำคัญที่จะทำให้ช้างตายได้ ต้องรอผลพิสูจน์และคาดคนยิงเป็นคนในพื้นที่