เป็นคลิปที่ถูกแชร์อย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ชายคนหนึ่ง ลักษณะเมาสุรา เดินเซไปเซมาอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะหายไปจากเฟรมภาพ จากนั้นไม่กี่อึดใจต่อมา ชายคนดังกล่าวเดินกลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดสีส้ม ลักษณะเหมือนมีการกระทบกระทั่งลงไม้ลงมือกัน โดยกู้ภัยมากัน 3 คน แต่คนที่ลงมือมีคนเดียว อีก2 คนยืนสังเกตการณ์

ในภาพจะเห็นกู้ภัยผลักชายเมาสุราให้ล้มลงกับพื้น แล้วถีบเข้าไปบริเวณหน้าของคนเมา แต่อีกฝ่ายยังฮึดสู้แม้จะลุกขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายกู้ภัยเตะเข้าไปที่บริเวณหน้าอย่างเต็มแรง จนคนเมาร่วงลงไปนอนกองที่พื้นไม่ไหวติงในทันที ก่อนที่กู้ภัยทั้งสามคนจะเดินออกไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยกลุ่มเดิมได้เดินย้อนกลับมา พยายามดึงร่างของคนเมาให้ลุกขึ้น จากภาพจะเห็นว่าคนเมาน่าจะบาดเจ็บอย่างมาก เพราะลุกขึ้นไม่ไหว แม้จะพยายามดึงตัวให้ลุกขึ้น แต่ก็ยังลงไปนอนกองกับพื้น ส่งเสียงร้องครวญคราง ก่อนที่ภาพจะตัดมาเป็นตอนที่คนเมาลุกขึ้นยืนและเดินเองได้แล้ว โดยมีกู้ภัยสองคนประกบสองข้างซ้ายขวาเดินออกไป

ผู้โพสต์ระบุข้อความเล่าเหตุการณ์อย่างคับแค้นใจ เขียนข้อความระบุว่า

ก็อาจจะจริงที่บอกว่าทำดีหลายหน ทำผิดครั้งเดียวสังคมด่า แต่คุณควรดูก่อนไหม ว่ามันเกินไปหรือป่าว สิ่งที่คุณทำ ถ้าเป็นญาติพี่น้องคุณ คุณจะทำยังไง ลองคิดเยอะๆนะ ถ้าไม่มีใจรักก็ไม่ต้องทำ แล้วที่หดหู่ที่สุดคือ เจ้าตัวที่โดนบอกกับเพื่อนว่าตัวเองรถล้ม เพราะเขาเมาเขาจำอะไรไม่ได้ อาการตอนนี้กรามหักทั้ง 2 ข้าง ทานอะไรไม่ได้เลย

 เป็นที่เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ หลังเกิดเหตุได้มีการโพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของมูลนิธิ ระบุว่า

เรียนพี่น้องประชาชน จากกรณีที่มีคลิปการทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านยามค่ำคืน ซึ่งคลิปหรือรูปภาพที่นำเสนอไปนั้นเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่ท่านได้ดูเพียงด้านเดียว พวกผมจึงอยากขอร้องความเป็นธรรมกับสังคม

ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ เวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 14 ทางมูลนิธิฯได้รับการร้องขอจาก จนท.ตร.เชียงดาว ให้ไปช่วยระงับเหตุคนเมาสุราอารวาดชาวบ้านแถววังจ๊อม เมื่อถึงที่เกิดเหตุ จนท.ได้เจรจาเพื่อจะนำตัวผู้ก่อเหตุไปส่งยังบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อน จนเหตุการณ์ได้ดำเนินมาถึงตอนที่มีคลิปออกมา ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีใครเห็น ตามความเป็นจริงถ้าผู้ก่อเหตุไม่ทำร้าย จนท.ก่อน ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้

แต่เรายอมรับผิดในส่วนที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ในส่วนนี้พวกผมยอมรับว่าผิดจริง จึงขอโทษสังคมในส่วนที่กระทำไป ต่อไปจะได้นำความผิดพลาดเหล่านี้ไปปรับปรุงในการทำงานต่อไปครับ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดโพสต์ดังกล่าวของทางมูลนิธิ ได้ถูกลบออกจากเฟซบุ๊กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว