ครม. ไฟเขียว ลดจัดซื้อวัคซีนแอสตร้า ขยายเวลาทดสอบ จุฬาคอฟ19 ถึงธ.ค.นี้

Home » ครม. ไฟเขียว ลดจัดซื้อวัคซีนแอสตร้า ขยายเวลาทดสอบ จุฬาคอฟ19 ถึงธ.ค.นี้


ครม. ไฟเขียว ลดจัดซื้อวัคซีนแอสตร้า ขยายเวลาทดสอบ จุฬาคอฟ19 ถึงธ.ค.นี้

ครม.อนุมัติ ลดจัดซื้อวัคซีนแอสตร้า เพิ่มจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป ชี้ประหยัดเงินได้กว่า 123 ล้านบาท ไฟเขียวขยายเวลาทดสอบ ChulaCov19 ถึงธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสาระสำคัญของการจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ในปี 2565 ป้องกันโควิด-19 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จากเดิม 60 ล้านโดส วงเงิน 18,762.5160 ล้านบาท เป็นจัดซื้อวัคซีน 35.4 ล้านโดส วงเงิน 11,069.8845 ล้านบาท

และเพิ่มการจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปหรือแอนติบอดี้ออกฤทธิ์ยาว (Long-acting antibody : LAAB) จำนวน 257,500 โดส วงเงิน 7,569.2228 ล้านบาท ทำให้วงเงินโดยรวมของโครงการปรับลดไป 123.41 ล้านบาท จากกรอบวงเงินเดิม 18,762 ล้านบาท เหลือ 18,639 ล้านบาท พร้อมขยายเวลาสิ้นสุดโครงการจากเดือนก.ย. เป็นเดือนธ.ค. 65 โดยให้กรมควบคุมโรค บริหารการจัดการและการกระจาย วัคซีนโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เพียงพอสำหรับประชาชนในประเทศ และไม่เหลือทิ้ง

นายธนกร กล่าวว่า การปรับแผนจัดซื้อวัคซีน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปี 2565 ความต้องการวัคซีนโควิด-19 ลดลง และสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง และมีวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้วัคซีนสำรองในประเทศเพียงพอ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 65 บริษัท ได้ส่งมอบวัคซีนแล้ว 13.2 ล้านโดส และจะมีแผนรับมอบ 11.2 ล้านโดส ภายในปี 65 ส่วนที่เหลืออีก 11 ล้านโดส คาดว่าจะได้รับมอบภายในไตรมาสที่ 2 ปี 66

ส่วนการปรับเพิ่มการจัดซื้อภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป 257,500 โดส เพื่อนำมาใช้กับกลุ่มเสี่ยงสูง ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ 3 กลุ่มโรค ได้แก่ ผู้ป่วยล้างไต ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะและผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันตนเอง ที่จะช่วยป้องกันการป่วยได้ถึงร้อยละ 83

ครม.ยังอนุมัติให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 (ChulaCov19 mRNA) เพื่อทำการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 1-3 และการผลิตเพื่อขึ้นทะเบียนรับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) พร้อมขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เป็นเดือนธ.ค. 65

โดยมอบให้จุฬาฯ พัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 และยังช่วยยกระดับห่วงโซ่การผลิตวัคซีนภายในประเทศและลดความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคอุบัติใหม่ของประเทศ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ