ครม.ยกเครื่อง ระบบตรวจสอบใช้เงิน อปท. เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้

Home » ครม.ยกเครื่อง ระบบตรวจสอบใช้เงิน อปท. เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้


ครม.ยกเครื่อง ระบบตรวจสอบใช้เงิน อปท. เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้

ครม.ยกเครื่อง ระบบตรวจสอบใช้เงิน อปท. เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้ หวังสามารถให้บริการในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เผยต้องประเมิน 8 ด้าน

วันที่ 15 พ.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบและอนุมัติแนวทางเสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น (แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น) ปี 2566 ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ เพื่อสร้างเครื่องมือในการตรวจสอบสถานะด้านการคลังและงบประมาณท้องถิ่นให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป 7,850 แห่ง นำไปใช้เพื่อปรับปรุงระบบการกำกับดูแลด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยแบบประเมิน จะตรวจสอบภายใน การควบคุมภายใน และการบริหารจัดการความเสี่ยงตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และพัฒนาให้มีการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ เพื่อให้ อปท. มีความเข้มแข็งสามารถให้บริการในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และเปิดเผยข้อมูลให้ตรวจสอบได้ พร้อมกับนำไปปรับปรุงระบบการกำกับดูแลตนเองได้

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่นจะมีการประเมินตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 โดยใช้ข้อมูลผลการปฏิบัติงานของปีงบประมาณ 2565 มีการชี้วัดใน8 ด้าน ดัง 1.ด้านรายได้ ประเมินประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของ อปท. รวมทั้งการใช้นวัตกรรมในการจัดเก็บรายได้ 2. ด้านการเงิน ประเมินประสิทธิภาพในการชำระเงินที่ผ่านหลายช่องทาง สะดวก รวดเร็ว 3.ด้านงบประมาณรายจ่าย ประเมินความสอดคล้องการจัดทำคำของบประมาณประจำปีกับแผนพัฒนาท้องถิ่น ความพร้อมในการดำเนินโครงการ และความสามารถในการก่อหนี้ผูกพัน

4. ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ประเมินความสามารถในการปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐได้อย่างถูกต้องตามระยะเวลา ขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด มีความโปร่งใส และมีการดำเนินการตามข้อตกลงคุณธรรม 5. ด้านการบัญชีและสินทรัพย์ จัดทำรายงานบัญชีและสินทรัพย์ตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐและรายงานต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

6. ด้านการกำกับดูแลตนเอง ประเมินการควบคุมภายใน การตรวจสอบภายใน จัดทำรายงานการตรวจสอบภายใน และการจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยง 7.ด้านการก่อหนี้ระยะยาว ประเมินความคุ้มค่าของโครงการที่ก่อหนี้ระยะยาวหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาท้องถิ่น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และ 8.ด้านเงินสะสม ประเมินประสิทธิผลของการใช้เงินสะสมตามวัตถุประสงค์ และรักษาระดับของเงินสะสมเพื่อเสถียรภาพทางการคลัง

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ