จับตาบทบาทค้ำบังลังก์นายกรัฐมนตรีของ “บิ๊กบี้” หลังจากนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.มาครบ 1 ปี ที่ตั้งแต่ ต.ค.นี้ ได้จัดทัพกระชับอำนาจอย่างเต็มตัวแล้ว
ผ่านไปแล้ว 1 ปี ของการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ของ “บิ๊กบี้” พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่ยังพ่วงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.รอ.904) หรือหน่วยทหารคอแดงที่มีความจงรักภักดีขั้นขีดสุด ดังการเปล่งวาจาเมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า จะรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์จนกว่าชีวิตจะหาไม่”
1 ปีที่ผ่านมาของ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อยู่ในช่วงที่ประเทศไทยทำสงครามกับโรคระบาดร้ายแรงอย่างโควิด-19 โดยบิ๊กบี้ระบุว่า การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กองทัพบกได้ปฏิบัติอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนการปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้นำทรัพยากรทุกอย่างที่มีทั้งกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ความรู้ขีดความสามารถทางทหารมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์โควิด
นอกจากนี้ บทบาทของทหารยังมีทั้งการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ การช่วยเหลือเกษตรกร การแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้งและไฟป่า การสกัดกั้นยาเสพติดสิ่ง/ผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน สกัดจับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ไม่เท่านั้น ในช่วงฤดูฝนและน้ำหลาก บิ๊กบี้กำชับให้เตรียมแผนการช่วยเหลือประชาชนทั้งในด้านกำลังพล เครื่องมือ รวมถึงการประสานและสนับสนุนหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
ส่วนในเรื่องความขัดแย้งภายในประเทศที่มีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้วจวบจนถึงปีนี้ ทางขุนทหารวางบทบาทเป็นแค่ผู้ช่วยเจ้าพนักงานเท่านั้น เพราะบทบาทหลักอยู่ที่ตำรวจที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมที่มีหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะที่สมรภูมิสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งยกระดับกลายเป็นม็อบรายวัน หนักบ้างเบาบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจะขยับท็อปบู๊ตออกมา
แม้จะมีเสียงลือเสียงเรียกร้องอยู่บ้างในบางจังหวะเวลา แต่ “บิ๊กบี้” ผู้กุมกำลังพลทางทหารมากที่สุดในสยามประเทศ ยังยึดวาจาเดิมเมื่อปีที่แล้วไม่แปรเปลี่ยน โดยในช่วงวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ที่มีการชุมนุมใหญ่ของคณะประชาชนปลดแอกนั้น บิ๊กบี้ให้สัมภาษณ์อย่างหนักแน่นว่า “เรื่องรัฐประหารไม่ได้อยู่ในความคิดของทหารในปัจจุบัน …โอกาสรัฐประหารเป็นศูนย์ วอนทุกฝ่ายอย่าสร้างเงื่อนไข และสังคมต้องอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความแตกต่างทางความคิดและก็ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน”
ทั้งนี้ บิ๊กบี้ ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 22 ปัจจุบันอายุ 58 ปี มีอายุราชการอีก 2 ปีกว่าจะเกษียณอายุในปี 2566 โดยในปีนี้บิ๊กบี้ได้จัดทัพ 4 เสือ ทบ.ใหม่ ด้วยการใช้บริการเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 22 ถึง 2 คน คือ “บิ๊กโต้ง” พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ ขยับขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ทบ. “บิ๊กติ่ง” พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เป็น เสธ.ทบ. ส่วนอีก 2 คนเป็นรุ่นน้อง คือ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ “บิ๊กยอง” พล.อ.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
ส่วนตำแหน่งสำคัญๆ นั้น ขุมอำนาจ 3 ป. มีส่วนผลักดันให้ “บิ๊กโต” พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพน้อยที่ 1 นายทหารจากสายบูรพาพยัคฆ์ ขยับขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 คุมขุมกำลังรัฐประหาร ซึ่งถึงแม้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะไม่ได้มาจากสายตรงเครือข่ายพี่น้อง “3 ป.” แต่เขาก็ก้าวขึ้นสู่แม่ทัพภาคที่ 1 และเข้าสู่เส้นทาง “5 เสือ ทบ.” ก่อนผงาดเป็นผู้นำสูงสุดในกองทัพบกภายใต้การจรดปากกาของบิ๊กตู่
ฉะนั้นแล้ว แม้จะไม่ใช่สายตรงแต่ความสัมพันธ์ของ บิ๊กบี้ และ บิ๊กตู่ ก็ไม่มีร่องรอยความบาดหมาง ดังนั้นเส้นทางเดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ในอนาคต ก็น่าจะยังคงมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ คอยระวังหลังเป็นขุนพลค้ำบัลลังก์อำนาจต่อไป!