คนขับสาย8 น้ำตาคลอ เห็นรถถูกชำแหละเป็นเศษเหล็ก เผยสุดใจหายขับมานานถึง 30 ปี เจ้าของอู่แถลงคาใจ หลังไม่ได้ไปต่อ อยากให้เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
จากกรณี ขสมก. และกรมการขนส่งทางบก ออกแผนการปฏิรูปรถเมล์ ทำให้รถเมล์สาย 8 ในตำนาน ไม่ผ่านคุณสมบัติในเส้นทางสัมปทานเดินรถ และต้องยุติการให้บริการ ซึ่งทางบริษัท ไทยบัสขนส่ง 1 ใน 3 บริษัท ผู้ให้บริการรถร่วมสาย 8 ต้องชำแหละรถนำเศษเหล็กไปขาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันที่ 18 ก.ค. 2565 ที่ บริษัท ไทยบัสขนส่ง จำกัด ถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. น.ส.ฑิราภรณ์ เมธิสริยพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายเดินรถ บริษัทไทยบัสขนส่ง แถลงข่าวเปิดใจกับสื่อมวลชน หลังบริษัทไม่ได้รับสัมปทาน และสงสัยผลการประเมินไม่ผ่านคุณสมบัติข้อใดบ้าง
น.ส.ฑิราภรณ์ กล่าวว่า บริษัทไทยบัสได้รับสัมปทานจาก ขสมก. ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2559 – 31 ก.ย. 2566 ระยะเวลา 7 ปี มีรถเมล์ทั้งหมด 26 คัน แต่ในปี 2561 รัฐบาลมีแผนปฎิรูปเส้นทางเดินรถเมล์ โดยต้องไปขอใบอนุญาติจากกรมการขนส่งทางบก ต่อมาในช่วงเดือน ธ.ค. 2564 บริษัทได้ยื่นเรื่องต่อสัมปทานเดินรถเมล์สาย8
จากนั้นในช่วงเดือน มี.ค. 2565 กรมการขนส่งทางบก ส่งจดหมายแจ้งว่า บริษัทไม่ได้รับเลือกสัปทานเดินรถเมล์สาย 8 สะพานพุทธ-แฮปปี้แลนด์ ซึ่งตนเพิ่งได้รับจดหมายประมาณวันที่ 6 เม.ย. 65 เป็นช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ จึงได้ส่งเรื่องอุทรณ์คำสั่ง ทวงถามผลการประเมิน ในวันที่ 18 เม.ย. 2565 หลังจากนั้น ในวันที่ 20 พ.ค. 2565 กรมการขนส่งทางบก ได้ส่งหนังสือตอบกลับมา ไม่รับคำอุทรณ์
เนื่องจากทางบริษัทยื่นอุทรณ์เกินกำหนด 15 วัน ผู้ประกอบการต้องไปยื่นเรื่องที่กรมการปกครอง ภายใน 90 วัน ซึ่งตอนนี้มีผู้ประกอบบางรายไปยื่นแล้ว ตนจึงสงสัยในวันที่ได้รับจดหมาย ติดกับวันหยุดยาวสงกรานต์ทำไมถึงยื่นไม่ทัน ส่วนอีกเรื่องที่ตนสงสัยอยากให้กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยคะแนนว่าบริษัทตนได้เท่าไหร่ และบริษัทใหม่ที่ได้สัมปทานได้เท่าไหร่ เพื่อนำมาเปรียบเทียบว่าแพ้ตรงไหนบ้าง จะได้ยอมรับคำตัดสิน อยากให้เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
โดยเกณฑ์การพิจารณาจากกรมการขนส่งทางบก 100 คะแนน มาจากคุณภาพการให้บริการ 45 คะแนน, ความน่าเชื่อถือ 10 คะแนน, มลพิษและสิ่งแวดล้อม 15 คะแนน, การพัฒนารูปแบบบริการ 20 คะแนน และผู้ประกอบการรายเก่าจะได้สิทธิเยียวยา 10 คะแนน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทตนก็พยายามปรับปรุงเพื่อรองรับแผนการปฏิรูปรถเมล์ ตอนนี้ไม่มีผู้กอบการรายเก่า ได้รับสัมปานรถเมล์เลย
น.ส.ฑิราภรณ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงโควิด 3 ปี บริษัทขาดทุน คันละ 2,000 บ. ต่อวัน ไม่มีเงินเติมแก๊ส ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ตอนนี้มีหนี้สิน 30 ล้าน มาจากหนี้การทำธุรกิจ และหนี้จากเรื่องค่าตอบแทน ขสมก. เกือบ 2 ล้านบาท ที่ทำสัญญาไว้ว่าต้องแบ่งรายได้ให้ ขสมก. คันละ 38 บาท
แต่ในช่วงโควิดกลางปี 64 ไม่มีเงินจ่าย แต่ทางกรมการขนส่งทางบก กลับยึดเงินค้ำประกันสัญญา 3 แสน และเงินค้ำประกันอุบัติเหตุ 6 แสนบาท ที่บริษัทจ่ายไป ตนมองว่าไม่เป็นธรรม อยากให้รัฐบาลยกหนี้ให้ผู้ประกอบการ ตอนนี้ตนเดินออกไปจากธุรกิจไม่มีเงินสักบาท ซ้ำยังเป็นหนี้อีกด้วย
ส่วนพนักงานเกือบ 20 ชีวิต ไม่ได้ตกงาน ตนได้ติดต่อไปยังบริษัทที่ได้รับสัปทาน เพื่อฝากพนักงานทั้งหมดเข้าทำงาน ซึ่งเขาก็ยินดีรับพนักงานทุกคน ส่วนรถเมล์ 26 คัน ขณะนี้ทยอยชำแหละนำเศษเหล็กไปขาย ได้เงินมา 50,000 บาทต่อคัน ชำแหละไปแล้ว 30% ซึ่งประมาณเดือน สิ.ค. 2565 จะหยุดเดินรถเมล์ 100%
ทางด้าน นายก่ำ กุดาธน อายุ 67 ปี พนักงานขับรถเมล์สาย 8 กล่าวว่า ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ตอนนี้อายุ 67 ปีแล้ว พอเห็นรถเมล์ถูกชำแหละก็รู้สึกใจหาย รักรถคันนี้มากมันช่วยหาเงินเป็นเหมือนคู่ชีวิต เพราะขับรถเมล์สาย8 มานาน 30 ปี เวลาผู้โดยสารไม่มีเงินขอขึ้นฟรี ตนก็เห็นใจไม่เก็บเงิน
ที่ผ่านมาตนเคยถูกร้องเรียน ประมาณ 5 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการขับรถเร็ว ซึ่งบางครั้งผู้โดยสายก็จำหมายเลขทะเบียนผิดแต่มีครั้งหนึ่งเคยถูกร้องเรียนว่าสูบบุหรี่ แต่ความจริงแล้วตนเป่ายานัตถุ์ พอกรมการขนส่งทางบกเรียกไปพบ ตนก็นำยานัตถุ์เข้าไปให้ตรวจสอบ