แก๊งผู้การชลบุรีโดนอีก “บิ๊กโจ๊ก” จ่อหมายจับเพิ่มกว่า 10 ราย เตรียมหารืออธิบดีอัยการสอบสวน เรื่อง พ.ร.บ.อุ้มหาย เพื่อหาข้อยุติ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าในคดีอดีตผู้การฯ ชลบุรี กับพวกร่วมกันตบทรัพย์ 140 ล้านบาท ว่าการร้องขอความเป็นธรรมต่อสํานักงานการสอบสวน ตลิ่งชั้นของตํารวจชลบุรี 3 นาย วานนี้ ตนอยากแจ้งว่า พ.ร.บ.อุ้มหาย ลักษณะคล้ายกับคดีนอกราชอาณาจักร ข้อเท็จจริงคือ พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน
หากเข้าข่าวจะต้องยื่นหนังสือแจ้งไปยังพนักงานอัยการให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสืบสวนสอบสวนได้ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวกับตำรวจทั้ง 3 นายเนื่องจากยังไม่พบพยานหลักฐานหรือองค์ประกอบที่เข้าข่ายฯ เช่น หลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีการทรมานหรือขู่เข็ญอย่างร้ายแรง จึงไม่ใช่ความบกพร่องของพนักงานสอบสวน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า พ.ร.บ.อุ้มหาย นั้นถือเป็นเรื่องใหม่มาก ในวันจันทร์นี้จะเดินทางไปหารือกับอธิบดีอัยการสอบสวน เพื่อหารือว่าคดีนี้เข้าข่ายพระราชบัญญัติอุ้มหายหรือไม่ คาดว่าในวันจันทร์นี้จะทราบข้อยุติ และยืนยันว่าไม่กังวลในคดีนี้ แต่การนําหมายจับไปใช่หากินนั้น อนาคตจะทําให้ตํารวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดีและถูกต้อง ทํางานลําบาก ทําให้วันนี้ตนต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่าในสัปดาห์หน้า จะขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 7-12 ราย มีทั้งตํารวจและพลเรือนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ foxbet และกลุ่มของนายเป้ ส่วนนายบอยที่ยังหลบหนีและประสานมายังชุดทํางานตนเองว่าจะมอบตัวนั้น ขอยํ้าว่ามามอบตัวได้ แต่ไม่มีเงื่อนไขในการประกันตัวใดๆ ทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันเพิ่มว่า ตํารวจชลบุรีทั้ง 3 นายนั้น ไม่รับสารภาพ แต่รับในข้อเท็จจริงบ้างส่วน ซึ่งเรื่องเงิน 140 ล้าน ยังไม่ยอมรับ ซึ่งแน่นอนคงไม่มีใครยอมรับ ส่วนสํานวนคดีต่างๆ ไม่มีใครรู้ดีเท่าตนเองและพนักงานสอบสวนเพราะเราบอกทุกอย่างไม่ได้ มันจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี ซึ่งสํานวนทั้งหมดจะรู้ก็ต่อเมื่อขึ้นศาลเท่านั้น