โซเชียลแห่แชร์ ป้าชีวิตรันทด ต้องเดินกลับบ้านวันละ 30 กม. อบต.ชี้หนังคนละม้วน ที่แท้บ้านอยู่หลังที่ทำงาน
กรณีโลกโซเชียลมีการแชร์เรื่องราวความทุกข์ยากลำบากของคุณป้ารายหนึ่ง โดยเล่าว่าคุณป้าต้องเดินกลับบ้านหลังเลิกงานกว่า 30 กิโลเมตร ทุกวัน ถึงบ้านตี 2-3 และต้องตื่นตี 5 นั่งรถตู้มาทำงาน นอกจากนี้ ที่บ้านป้ายังมีคนแก่ 1 คน มีผู้ป่วยติดเตียง 1 คน มีเด็ก 2 คน ซึ่งป่วยพิการทางสมอง 1 คน
ล่าสุด นายเสกสรรติ์ สินทรจันทร์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลศาลาลอย อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บอกว่า โพสต์ดังกล่าวนำข้อความไปลง ไม่ได้เป็นความจริง ข้อเท็จจริงแล้วคุณป้า มีบ้านพักอาศัยห่างจากอบต. ประมาณ 150 เมตร ระหว่างทางก็ยังเป็นบ้านพักอาศัยของผู้ใหญ่บ้าน เลยบ้านของป้าไปก็เป็นบ้านของกำนัน
ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานไม่เคยทอดทิ้งครอบครัวของนี้ ช่วยเหลือตามระเบียบราชการมาโดยตลอดและบ่อยครั้ง มีทั้งหน่วยงานในท้องถิ่น หน่วยงานในอำเภอ และหน่วยงานในจังหวัด ล่าสุด เพิ่งจะให้การช่วยเหลือจัดซื้อถังออกซิเจนให้กับลูกชายที่ป่วยไว้นอนรักษาตัวในบ้านพัก
นายเสกสรรติ์ ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านป้า พบว่าไม่อยู่บ้าน ไปดูแลลูกชายที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลท่าเรือ มีเพียงคุณแม่วัย 89 ปี เฝ้าบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์อยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นายเสกสรรติ์ ปลัด อบต. ศาลาลอยยังบอกว่าเหตุดังกล่าวโพสต์เรื่องราวไม่เป็นความจริง สร้างความเดือดร้อน ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เข้าไปด้วยดูแล ตกเป็นจำเลยสังคม ได้ประสานงานกับท่านนายก อบต. แล้ว จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับเพจแห่งหนึ่ง กรณีข้อมูลไปเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านของคุณป้า ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาป้ารายนี้มีรถจักรยานยนต์ไว้เดินทางติดต่อทำงาน แต่ไม่ทราบว่านำไปจำนำหายไปหมดแล้ว ครอบครัวนี้ที่ผ่านมาทราบว่าหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาดูแลช่วยเหลือมากกว่าครอบครัวรายอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ
ด้าน นายสุรศักดิ์ ดำมณี กำนันตำบลศาลาลอย อยู่ท้ายบ้านป้า และนางสาวจรัสศรี อัศวเดชาชาญยุทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบลศาลาลอย อยู่ไม่ไกลจากบ้านของป้ามากนัก ยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำความเสียหายให้กับส่วนราชการเป็นอย่างมาก เพราะว่าการนำเรื่องกาวดังกล่าวไปโพสต์ไม่เป็นความจริง
ขอร้องเพจต่าง ๆ กรุณากรองข้อมูลให้ถูกต้องก่อนจะนำเรื่องราวไปโพสต์ มิเช่นนั้นสังคมจะเข้าใจผิดคาดเคลื่อนทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ผู้เกี่ยวข้องจะหมดกำลังใจในการทำงาน
อย่างไรก็ตาม นางจรัสศรี ผู้ใหญ่บ้านยังเปิดเผยอีกว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจากลูกชายของป้านา เป็นดอกเตอร์อยู่ในกรุงเทพฯ โทรศัพท์มาขอร้องการนำเสนอข่าวของครอบครัวตนไว้ด้วย