โมร็อกโก จากทวีปแอฟริกาจับมือกับ สเปน และโปรตุเกสจากทวีปยุโรปในการยื่นเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 โดยคาดว่าจะเข้ามาแทนที่ ยูเครน ซึ่งประเทศกำลังอยู่ท่ามกลางสงคราม
โดยย้อนไปเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2022 สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (อาร์เอฟอีเอฟ) และสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส (เอฟพีเอฟ) ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ยูเครน จะเข้าร่วมกับพวกเขาในยื่นจัดเวิลด์ คัพ ในปี 2030
ถึงกระนั้นจากสถานการณ์ที่ รัสเซีย ใช้กองกำลังทหารรุกราน ยูเครน ทำให้สถานะการยื่นเป็นเจ้าภาพของฝ่ายหลังยังไม่มีความแน่นอน
จนล่าสุด ชากิบ เบนมูซา รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของ โมร็อกโก ยืนยันตามพระประสงค์ของ สมเด็จพระราชาธิบดีมุฮัมมัดที่ 6 แห่ง โมร็อกโก ว่า ประเทศของเขาจะเข้าร่วมกับ สเปน และโปรตุเกสในการยื่นจัดฟุตบอลโลก 2030 หลังก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยื่นข้อเสนอเป็นเจ้าภาพแบบเดี่ยวๆ
“ผมขอประกาศว่าราชอาณาจักร โมร็อกโก ได้ตัดสินใจร่วมกับ สเปน และโปรตุเกส เพื่อเสนอการเสนอร่วมกันสำหรับการเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2030 การยื่นข้อเสนอร่วมกันครั้งนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลจะนำแอฟริกา และยุโรป, เมดิเตอร์เรเนียนตอนเหนือ และตอนใต้ รวมถึงโลกในแอฟริกา, อาหรับ และยูโร-เมดิเตอร์เรเนียน มารวมกัน”
“มันยังจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวเราทุกคนออกมาด้วย ซึ่งเป็นผลจากการผสมผสานระหว่างความอัจฉริยะ ความคิดสร้างสรรค์ ประสบการณ์ และวิธีการ”
ทั้งนี้นอกจาก โมร็อกโก, สเปน และโปรตุเกส แล้วยังมีกลุ่มของ อุรุกวัย, อาร์เจนตินา, ปารากวัย และชิลี รวมถึง อียิปต์, กรีซ และซาอุดีอาระเบีย ที่เสนอตัวเวิลด์คัพครั้งดังกล่าวด้วย