ขาประจำ บี้กกต.ส่งศาลรธน. ชี้ปม‘พิธา’ถือหุ้นสื่อ ขู่ล่าชื่อกดดัน ส.ว.อย่าหนุนแก้112

Home » ขาประจำ บี้กกต.ส่งศาลรธน. ชี้ปม‘พิธา’ถือหุ้นสื่อ ขู่ล่าชื่อกดดัน ส.ว.อย่าหนุนแก้112



สนธิญา จี้ กกต.ส่ง ศาลรธน. วินิจฉัย ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ ก่อนนั่งนายกฯ ปัดยื่นหวังสกัด ขู่ล่ารายชื่อขอยึดเครื่องราช ส.ว.-พรรคการเมือง หนุนรัฐบาลแก้ ม.112

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสนธิญา สวัสดี ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกกต. ให้สอบเรื่องการถือหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามลงสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และขอให้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เลขาธิการป.ป.ช. แถลงชัดเจนแล้วว่านายพิธา ได้แจ้งการถือหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 กว่าหุ้น ซึ่งที่ผ่านมานายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายศรีสุวรรณ จรรยา ก็มาร้องแล้ว

ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) จึงเห็นว่า นายพิธา อาจจะเป็นนายกฯใน 2 เดือนข้างหน้า หากไม่ทำให้เรื่องนี้ชัดเจน จะเกิดความเสียหายตามมา เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า นายพิธา มีลักษณะต้องห้ามลงสมัคร และการที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล เซ็นส่งผู้สมัครส.ส. 400 เขต จะทำให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจากพรรคก้าวไกลเป็นโมฆะ รวมถึงการเซ็นโครงการต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ ในฐานะรัฐมนตรีก็จะเป็นโมฆะด้วย

“ขอให้กกต.ให้เร่งรัดตรวจสอบกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพราะป.ป.ช.แถลงแล้วว่านายพิธา ได้แจ้งเรื่องการถือหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาก็มีคนร้องเรียนแล้ว กกต. จึงไม่ต้องพิจารณาวินิจฉัยอะไรมากไปกว่านี้ แต่ให้ส่งเรื่องไปศาลฎีกา หรือส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัย หาก กกต.ไม่มีกระบวนการตามที่กล่าว อีก 2 สัปดาห์ ผมจะไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และถ้าภายใน 60 วัน ผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่เสนอไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ผมจะยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ” นายสนธิญา กล่าว

นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ตนมาร้องเรื่องนี้ไม่ได้ต้องการสกัดกั้นนายพิธา แต่เห็นว่า ถ้านายพิธา มองว่าการถือหุ้นไอทีวีไม่มีผลตามกฎหมายแล้ว เพราะบริษัทได้ยุติการประกอบธุรกิจสื่อไปแล้วนั้น นายพิธาจะต้องไปยื่นต่อป.ป.ช.ทำไม ว่าเป็นผู้จัดการกองมรดก เท่าที่ทราบ นายพิธา ไม่ยื่นหลังจากเป็นส.ส. ปี 2562 แล้ว 2-3 ปี ซึ่งยังไม่รู้ว่าหากผิด จะมีผลย้อนหลังถึงการเป็น ส.ส.เมื่อปี 2562 หรือไม่ จึงควรตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน เมื่อเป็นนายกฯ จะได้ใสสะอาด ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่ตรวจสอบตอนนี้ แต่ไม่ตรวจสอบตอนเป็นส.ส. เป็นรัฐมนตรีแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากกว่านี้

นายสนธิญา กล่าวว่า ตนคัดค้านเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ดังนั้น ฝากถึงส.ว.และพรรคการเมือง รวมถึงผู้ที่เข้าไปร่วมรัฐบาลของนายพิธา ว่า ถ้ายังมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 แล้วบุคคลนั้นได้รับเครื่องราชฯ ไม่ว่าชั้นไหนก็ตาม ตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกาขอคืนเครื่องราชฯทุกประการกับผู้ที่เข้าไปร่วมแก้ไขมาตรา 112

ทั้งนี้ การที่ตนพูดเช่นนี้ ยอมรับว่าต้องการกดดันส.ว. ที่จะโหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ขอให้พิจารณาให้ดี ว่านโยบายของรัฐบาลยังคงมีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 อยู่หรือไม่

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ